Friday, April 20, 2012

บรรทึกช่วยจำ MCS

MCS

บริษัทที่รับจ้างผลิตเหล็ก โดยจะรับงานจาก ญี่ปุ่น เท่านั้น เนื่องจากญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีแผ่นดินไหว บ่อยมาก ทำให้ต้องมีโครงสร้างอาคาร สิ่งก่อสร้าง ที่มีคุณภาพสูงรองรับแรงสั่นแรงกระแทกได้ และมีมาตรฐานในเกณฑ์ที่กำหนดไว้


เป็นหนึ่งในหุ้นที่ผมพลาด

สาเหตุที่พลาด
น่าจะเป็น บริษัทเดียวในกลุ่มเหล็กที่ ROA ROE สูงมากๆ อัตรากำไรสุทธิ ที่สูงมาก ทำให้ผมเกิดความเข้าใจผิด ว่าบริษัทนี้ทำได้จริง 
ในช่วงนั้น ผมใช้วิธีหาหุ้นจากการดู PEที่ต่ำ ROEมากกว่า 15% ของหุ้นทั้งตลาด ตัดหุ้นที่ได้กำไรพิเศษออกไป เพื่อลดความเสี่ยง ผลที่ได้รับคือ จะได้หุ้นราคาที่ไม่แพง จาก PE และจะได้หุ้นที่สามารถทำให้ผลตอบแทนของผมในระยะยาวได้สูงเกิน 15% ด้วย ในระยะยาว

ความจริงแล้ว
เกิดจากผลกระทบช่วง เกิดวิกฤษ แฮมเบอร์เกอร์ ช่วงที่ราคาน้ำมัน ตกจากฟ้า 140 ลงมา 40 นี่ล่ะ ที่ทำให้ ราคาเหล็ก และค่าขนส่ง ลงไปมาก และบริษัท MCS ก็ได้ซื้อเหล็กในช่วงนั้นเยอะ ทำให้ต้นทุนต่ำสุดๆ ผลคือ เมื่อราคาเหล็กขึ้น MCS  จึงได้กำไรจากการค้าเหล็กทั้งที 

สำหรับบริษัทนี้ ผมก็ยัง ชอบเหมือนเดิมนะครับ ROE เกิน 20 ได้เกือบทุกปี (เชื่อว่าเป็นROE ที่เกิดขึ้นจริงๆของบริษัท ไม่ใช่การเก็งกำไรของสินค้าโภคภัณฑ์) หาไม่ได้ง่ายๆ นอกจากนั้น ปันผลที่เยอะ ผบ ที่ตรงไปตรงมา (ลองไปอ่านในบทความเก่าๆได้นะครับ) ทำให้ผมยังมองอยู่ และสนใจ แต่คงต้องเป็นราคาที่ถูกกว่านี้ก่อน

รายละเอียดอื่นๆ

ตัวช่วยเลือกหุ้น


เรื่องของสินค้า การซื้อการขาย ลูกค้า คู่ค้า

1 สินค้าที่ใช้แล้วหมดไป

ตัวนี้ สินค้าใช้แล้วไม่หมดไป ไม่ก็ต้องรอให้อาคารถล่มก่อน เพราะสินค้าที่ทำเป็น เหล็กที่ใช้ในการก่อสร้างอาคาร สิ่งก่อสร้างต่างๆ อีกทีนึง 

2 สินค้าที่อาจมีการทดแทนได้ง่าย

เป็นสินค้าที่มองผ่านๆ จะโดนทดแทนได้ง่าย เพราะว่า เหล็ก ที่ไหนก็เหมือนกัน แต่ที่ทำให้แตกต่าง คือฝีมือแรงงานและการได้รับการยอมรับจากญี่ปุ่นด้วย โดยเป็นบริษัทในต่างประเทศ บริษัทเดียวที่ได้รับการยอมรับจากญี่ปุ่น 

3 สินค้าที่มีแบรน และคนซื่อสัตย์ในแบรนด้วย

ไม่มีแบรนเลย เนื่องจากเหล็ก ก็คือเหล็ก และก็มีเจ้าอื่นที่ทำได้ในญี่ปุ่น เหมือนกัน ดังนั้นสิ่งที่พอจะทำให้สู้ได้ ก็มีแค่เรื่องราคา กับความสัมพันธ์ เท่านั้น
4 คู่ค้า

เนื่องจากงานของ MCS เป็นงานที่รับจ้างผลิต ส่วนของคู่ค้า ส่วนใหญ๋มีเพียงรับซื้อเหล็กมาเท่านั้น ก็จะเป็นพวกเหมืองแร้เหล็กซะส่วนใหญ่ และพวกนี้แทบไม่มีสิทธิ์ ขายของในราคาสูงหรือแพงกว่าเจ้าอื่นได้เลย ดังนั้นเรื่องราคาจะเป็นเรื่องของเวลาที่ซื้อมากกว่า
ลูกค้า


ลูกค้าโดยตรงเป็นพวกรับก่อสร้างเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นข้อเสียอย่างนึงของบริษัท คือ มีลูกค้าในส่วนนี้น้อยราย ถ้าจำไม่ผิด 5 รายมั้งนะ ซึ่งค่อนข้างอันตรายอยู่ แถมลูกค้าทั้งหมดอยู่ในญี่ปุ่น ทำให้ค่อนข้างเสียงอยู่เหมือนกัน 

ส่วนลูกค้าทางอ้อม แต่มีผลกระทบที่ใหญ่กว่า คงเป็นกลุ่มอสังหาในญี่ปุ่นนี่ล่ะ เพราะนอกจากเลือก บริษัทรับก่อสร้าง ยัง เลือกบริษัทที่รับผลิตเหล็กได้อีกด้วย 

6 คู่แข่ง

คู่แข่งทั้งหมดอยู่ในญี่ปุ่น ซึ่งเราได้เปรียบเรื่องค่าแรงที่ถูกกว่า แต่เรายังเสียเปรียบเรื่องค่าขนส่ง การทำนอกประเทศญี่ปุ่นด้วย เพราะเป็นที่รู้กันว่า ญี่ปุ่นนั้นรักประเทศขนาดไหน สินค้าต่างชาติที่เข้าไปขาย มักจะอยู่ไม่รอด เพราะคนญีปุ่นไม่ยอมใช้ของต่างชาติเลย


7 วัตถุดิบ การสินค้าโภคภัณฑ์


เหนื่อยทั้ง วัตถุดิบ และสินค้าเลย เพราะวัตถุดิบและสินค้าที่ขายออกไปเป็นเหล็กที่ราคาผันผวนมากๆ นอกจากนั้น สินค้าที่ขายยังเป็นส่วนนึงของอสังหาที่เป็นเป็นโภคภัณฑ์ด้วย 

8 โอกาสการเติบโตของสินค้า บริการ

การเติบโตของบริษัท ก็ต้องพึ่งอสังหาในญี่ปุ่นด้วยว่าจะได้มากแค่ไหน และพวกนี้ผมว่าเหนื่อยอีก เพราะการที่จะทำให้บริษัทโตขึ้น คือต้องผลิตให้มากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างผิดปกติของอสังหาเลยล่ะ

พวกอสังหา เช่นคอนโด ถ้าปีนี้สร้าง 1 คอนโด 100 ห้อง ถ้าต้องการให้กำไรในปีหน้ามากขึ้น ก็ต้องสร้าง ห้องเพิ่ม ไม่ก็สร้างคอนโดเพิ่มอีกในปีต่อๆไป พวกนี้มักจะเกิด over supply ได้ง่ายมาก 

ดังนั้น ไม่หวังการเติบโตมากนัก เพียงแค่มีงานทำตลอดก็พอแล้ว แต่ที่ผ่านมาก็โตขึ้นเรื่อยๆนะ ดูจากยอดขายเหล็กเป็นน้ำหนัก

เรื่องของตัวบริษัท งบการเงิน

1 สินทรัพย์ หนี้สิน ส่วนของผู้ถือหุ้น

 หนี้สินลดลงพร้อมสัดส่วนผู้ถือหุ้นที่เพิ่มขึ้นแทน ด้วยกำไรสะสมที่เพิ่มขึ้นมามากๆ 
สินทรัพย์ ที่เป็นส่วนของที่ดินอาคาร ค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับหลายๆบริษัทที่ผมเห็น (ส่วนใหญ่มักจะมีมูลค่าครึ่งนึงของสินทรัพย์) สำหรับ MCS มีเพียง 520 ล้าน ต่อสินทรัพย์ 3530 ล้าน 
หนี้สินก็ไปเยอะจากเจ้าหนี้ตั่วเงินจ่ายการค้าสุทธิ ซึ่งน้อยกว่าเงินสดเสียอีก 

เอาตรงๆ เป็นบริษัทที่มีบัญชีที่ดีมาก

2 รายได้ กำไร ROA ROE อัตรากำไรสุทธิ

รายได้ต่อทรัพย์สิน ก็ไม่ถึงว่าเยอะมากนัก 
กำไรสุทธิ น่าจะสูงกว่า 10%  ส่วนปี 52 53 ที่สูงมากๆ เกิดจากการได้กำไรจากราคาเหล็กที่ต่ำมากในปีก่อนหน้านี้
ROA ROE ค่อนข้างสูงมาก เมื่อเทียบกับบริษัทเหล็กอื่นๆ และปี 52 53 ที่สูงเป็นพิเศษ โดยส่วนตัวคาดว่าอยู่ที่ประมาณ 20% ขึ้นไป

3 รายได้ และ รายจ่าย

รายได้ ส่วนใหญ่มาจากการผลิต ขายเหล็กเป็นส่วนใหญ่

รายจ่าย มาจากต้นทุนการผลิตเกือบ 70% ถึงว่าน้อยมาก (ปกติมากกว่า 80)
ค่านายหน้า 10% 
ค่าบริหาร 5% ต่ำมาก เมื่อเทียบกับบริษัทหลายๆบริษัท (ดี ผบ อยู่ข้างเดียวกับผู้ถือหุ้น)

กำไร ไม่มีการกู้เงินมาลงทุน เลยไม่มีดอกเบี้ยจ่ายหรือต้นทุนทางการเงินเลย หรืออีกนัยหนึ่ง ไม่มีวันเจ๊ง 

4 อย่าเลือกบริษัท ที่ผู้ตรวจสอบบัญชี ไม่รับรองงบ

ไม่มีปันหา
เรื่อง ผบ

1 บริษัทที่พึ่งเจ้าของมากเกินไป

บริษัทนี้ ค่อนข้างพึ่งเจ้าของมาอยู่ ทั้งในเรื่องการบริหาร และการเจอคู่ค้า ลูกค้า ด้วย 

2 บริษัทที่ทำหลายอย่างเกินไป ออกนอกความถนัดเกินไป ชอบทำตามคนอื่น ขยายตัวรุนแรง

ไม่มีปันหาเรื่องการทำนอกความถนัดมากนัก ถ้าจะมีก็ีเรื่องที่ทำไปเหมืองที่จีน โดยไปร่วมหุ้นด้ว สุดท้ายก็ไม่ได้เรื่อง ขาดทุนอีก ตอนนี้เลยตัดสินใจ เข้าเทคโอเวอร์เลย ส่วนเรื่องการจะเพิ่มกำลังการผลิตนั้น ก็ต้องรอให้ได้กำไรก่อนเท่านั้นด้วย

3 ผู้บริหารที่มีนามสกุลที่ประวัติไม่ดี
ผู้บริหารที่นี่ ผมยกย่องนะครับ อย่าเรื่องที่ผิดพลาด ก็พูดตรงๆ ว่าพลาด อันไหนเป็นยังไง ก็พูดตรงๆ ไม่อ้อมเลย หายากครับ ใครไม่เคยเจอ ลองไปศึกษาดูนะครับ

ข้อแนะนำ ส่วนตัวนะครับ 
ผมชอบ ผู้บริหารและตัวบริษัทมากครับ แต่น่าเสียดายที่มาอยู่ในกลุ่มเหล็กนี่ล่ะ 

1 comment:

  1. ตามมาดูบท วิเคราะ อิอิ

    ReplyDelete