ธุรกิจ ขายเครื่องสำอางทั้งปลีกและส่ง มีขายแฟรนด์ไซด์ ลงทุนเอง (สาขาประมาณ 1 ล้านบาท) ลงตามห้าง ร้านค้าชื่อดัง
อดีต แย่สุดขีด จากขายทีวิ มาเป็นรถขนส่ง ทำรถติด NGV เข้าใจว่าตอนนี้จบแล้ว
ชื่อก่อนหน้า Distar
สำหรับธุรกิจเครื่องสำอาง ในประเทศมีประมาณ 50,000ล้านบาท (2554)
อันดับหนึง ส่วนแบ่งตลาด 4% อันดับต่อมาก็ไม่ต่างกันมาก
ปี 54 ยอดขาย 441ล้านบาท (0.9%)
------------------------------------------------------------------------------
เวบไซด์
http://dev.karmarts.co.th/shop/
ไม่ค่อยตอบ ทางเว็บบอร์ด เท่าที่ควร แต่คนก็ถามเยอะไปนะ
ลูกค้าที่สนใจต้องการเป็นตัวแทนจำหน่าย หรือ ต้องการเปิดร้านคาร์มาร์ท สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เจ้าหน้าที่ Call Center Karmarts
ได้เวลา 8.30 - 17.30 น จ-ส ค่ะ 02-8052500 - 024134444
เผื่อใครสนใจ
----------------------------------------------------------------------------
เป้าหมายผู้บริหาร นายวิวัฒน์ ทีฆคีรีกุล กรรมการผู้จัดการ
รายได้รวม 300 ในปี 2554 (20/jun/2011 Thaivi) ทำได้จริง 441
รายได้รวม 500 ในปี 2554 (24/nov/2011 thaivi) ทำได้จริง 441
30 สาขาในปี 2554 ทำได้จริง 27-33 (ข้อมูลไม่ชัด)
ลดพาร์ลง เพื่อล้างขาดทุนสะสม เปลี่ยนเป็นกำไร จึงจะให้ปันผลได้ ทำไปแล้ว
รายได้รวมปี 2555 โต 50-100% ในmoney talk (คิดว่าได้ เพราะรายได้จาก q4/54 มาคิดก็พอไหว)
100 สาขาใรปี 2555
ย้ายหมวยไป พาณิชย์
ปันผลทุกไตรมาส
------------------------------------------------------------------------------
2554
Q1 กำไร -1 ล้าน
Q2 กำไร 22 ล้าน
Q3 กำไร 40 ล้าน (หักรายการขายโรงงาน 20 ล้าน)
Q4 กำไร 51 ล้าน (บวกกลับขาดทุนประเมินอสังหา 5 ล้าน กับขาดทุนด้อยค่าอุปกรณ์ 15 ล้าน)
------------------------------------------------------------------------------
Money Weekly วันที่ 25/12/54 เวลา 22.00-23.00 น.
นาย วิวัฒน์ ทีฆคีรีกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท คาร์มาร์ท จำกัด (มหาชน) (KAMART)
http://www.dcs-digital.com/moneychannel/index.php
------------------------------------------------------------------------------
การซื้อขาย จาก ต้นปี 2554 จน 9/4/55
ซื้อตลอด ขายหมู บางครั้งด้วย
http://capital.sec.or.th/webapp/corp_fin2/result59c.php?order=DATE&cmb_comp_run_code=0000001349
-----------------------------------------------------------------------------
ข้อดี
เป็นการนำเข้า ขายต่อ
ขายสินค้าได้หลายชนิด (ที่ทราบ 30 แบรด์์ 2000 ผลิตภัณฑ์)
ไม่มีต้นทุนสูงในการดำเนินงาน (ตั้งโรงงาน)
ตลาดเครื่องสำอางค่อนข้างใหญ่ และ ใช้กันมากขึ้นเรื่อยๆ (แถมใช้แล้วหมดไปด้วย)
เป็นผู้กระจายสินค้า รับความเสี่ยงต่ำ
ข้อเสีย
หลายแบรด์มาก ทำให้เราไม่รู้ว่า เจ้าเดียวกัน (แต่ก็เป็นข้อดี ถ้าตัวไหนไม่ดีก็หายไปเลย)
ปัญหาในการบริหารที่จัดเก็บ การขนส่ง ที่ยังไม่ดีพอ
คู่แข่งเยอะมาก
การรุกตลาดอย่างเร็ว อาจไม่มั่นคง ต้องดูระยะยาวว่าจะไหวหรือไม่
การทำนอกความสามารถของผบ
การทำการตลาดทั้งแบบขายตรง แบบเปิดร้าน ที่ยังควบคุมได้ไม่ค่อยดี
-----------------------------------------------------------------------------
ความคาดหวังส่วนตัว
การเติบโตของธุรกิจอย่างแรง (ในปี 55)
อนาคตที่ผู้หญิงใช้เครื่องสำอางมากขึ้นอย่างแรง (เด็กประถมก็เริ่มแล้ว) (คนที่เคยใช้ จะหยุดไม่ได้ด้วย)
ปี 2554 กำไรควรดูที่ ไตรมาส 3 4 มากกว่า เพราะไตรมาส 1-2 ยังไม่ค่อยดีเลย
คาดหวังอย่างต่ำ ปี 2555 น่าจะได้ = ไตรมาส 4/54 *4 ประมาณ 0.4 (PEคิดเอง)
ทำตัวคล้ายๆ CPALL แต่เน้นไปทางเสริมสวย (ใช้แล้วหมดไป) (อันไหนขายไม่ดีก็ตัดออก)
ประเด็นควรขาย ลดพอร์ต
ผบ ขาย
รายได้ต่อร้านลดลง (ต้องดูอีกทีว่าร้านเปิดใหม่ รายได้น้อยจนทำให้ยอดรวมร่วงหรือไม่)
-----------------------------------------------------------------------------------------
อื่นๆ
วัตสัน ยอดขาย 36 ล้านบาทต่อปี ต่อร้าน
บูท ยอดขาย 22 ล้านบาทต่อปี ต่อร้าน
Oriental Princess 11 ล้านบาทต่อปี ต่อร้าน
Cutepress 7 ล้านบาทต่อปี ต่อร้าน
Beauty Buffet 6 ล้านบาทต่อปี ต่อร้าน
No comments:
Post a Comment