Thursday, April 26, 2012

บรรทึกช่วยจำ Kamart 2

ผมยอมแพ้นะครับ ไม่เอาดีกว่า แม้ว่าระยะสั้นๆ อาจจะได้ผลตอบแทนเท่าตัว แต่โอกาสเสียหายก็มากอยู่เหมือนกัน

ถ้าต้องถือหุ้นที่ไม่สบายใจ อย่าไปถือเลยครับ

เหตุผลที่ยอมแพ้นะครับ
  1. จากการไปประชุมผู้ถือหุ้นมา เข้าใจแล้วว่าทำไม TV รถเมล์ NGV ถึงได้เจ็ง เพราะ ผบ เป็นคนที่ค่อนข้างเชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไป จนไม่มองทางลบ หรือทางหนีไว้บ้างเลย 
  2. สินค้า Online แทบไม่มีทางจะจัดการพวกละเมิดลิขสิทธิ์ได้อยู่แล้ว ขนาดตลาดข้างทางยังมีเยอะเลย อะไรที่ขายดีย่อมมีการทำเลียนแบบอยู่แล้ว
  3. พี่สาวผมใช้ของ kamart อยู่ ยังบอกเลยว่า สินค้า แย่ลง อย่างครีมตัวขาว ก็ไม่ขาวเหมือนเมื่อก่อน (เมื่อก่อนทาทีเดียวขาว เดียวนี้ต้องย้ำอีก) ขนาดแม่ค้าบางรายยังบอกเรื่องนี้เลย
  4. การที่ราคาสินค้าแกว่งมาก จากการขายส่งเช่น ขายส่ง 150บาท ตลาดนัดขาย 200 เคาร์เตอร์ขาย 400 shopขาย 300 ในห้างก็ถูกกว่าอีกเพราะไม่เน้นกำไรมาก เป็นการตัดราคากันเองอีกด้วย ทำให้เกิดความเสียหายต่อ shop และ ราคาทางOnline
  5. การควบคุม Shop ที่แย่ ขนาดเอาสินค้าปลอม สินค้าอื่น เข้าไปขายใน Shop เป็นการแสดงให้เห็นถึงการที่ควบคุมไม่ได้เลย ถ้าจะทำ ต้องเป็นแบบ CPALL คือควบคุม รายละเอียดให้หมด
  6. สินค้าค่อนข้างเป็นกระแสมากเกินไป อาจทำให้ในระยะยาว ไม่แข็งแรง พร้อมล้มเมื่อกระแสเปลี่ยนได้ตลอดเวลา
  7. การบรรทึก รายได้ มาจากการขายส่งให้กับร้านค้าในเครือและคนที่มารับของ ไม่ใช่การขายให้กับลูกค้าเหมือน CPALL ที่บรรทึกรายได้ เมื่อ ขายให้ลูกค้าแล้ว (กรณีนี้อันตรายเพราะจะทำให้ดูเหมือนมีรายได้เยอะทั้งที่สิ่งของยังขายไม่ออกเลย)
  8. การที่ไม่ยอมยกเลิกธุรกิจที่ไม่ดี การที่ไม่ยอมแพ้เมื่อควรยอมเพราะกลัวเสียหน้า การที่ไม่ฟังใคร แล้วพอธุรกิจเสียหายก็อ้างว่า เราไม่ถนัด ผมว่า ไม่ไหวนะ
ส่วนที่น่าลุ้น สำหรับคนที่ถือต่อ
  1. ไตรมาส 4 ปีที่แล้ว ทำกำไรไว้ 0.09 ต่อหุ้น คาดปีนี้อย่างต่ำๆ 0.4 (ไตรมาสละ 0.1) ที่ราคา 5 บาท น่าจะไปได้อีกไกลอยู่ 
  2. ร้านที่เปิดเพิ่ม ทำให้โอกาสได้บรรทึกรายได้สูงขึ้น (จากการนำสินค้าไปวางขาย ก็ได้แล้ว) ประมาณร้านล่ะ 500,000 บาท 
  3. เรื่องขายผ่าน Online ที่ทาง Kamart พยายามอยู่ ว่าจะสำเร็จหรือไม่
  4. การเปิดร้านค้ามากๆ แล้วเริ่มขายสินค้าให้เฉพาะร้านพวกนี้ อาจทำให้กำไรดีขึ้นแล้ว ไม่มีปัญหาเรื่องตัดราคาอีก 
  5. การเติบโต ของร้านค้าได้อีกอย่างน้อยๆ 5-6 ปี เลย (เมื่อเทียบกับร้านความงามชื่อดัง)

No comments:

Post a Comment