Thursday, April 26, 2012

ประชุมผู้ถือหุ้น BLA




ตอนเช้าเราก็ไม่แน่ใจรถจะติดไม(พูดเหมือนมีรถ) คนจะเยอะไม เลยรีบออกแต่เช้าเลย

ขึ้น BTS ไปลงอโศก (ปล.ไปเอาใบประชุมของแฟนหน่อย) แวะกินมาม่าคัพข้างCPALL แก้ร้อนหน่อย (ทีนี้ร้อนโครตเลย) 

แล้วก็เดินมาถึงจนได้ เหงื่อแตก ปากแดง ลิ้นพองเลย ไม่น่ากินมาม่าเลย ก็ตอนนี้ 7 โมง (ประชุม 9 โมง เจริญล่ะ)
บรรยาการตอนเช้า 

ตอนมาได้รับมอบฉันทะไป 5 ราย ได้ถุงมาเต็มเลย 

อาหารกล่อง 6 กล่อง รอดไปอีก 6 มื้อ

หนังสือประชุมผู้ถือหุ้น ดันอ่านไม่ทันซะงั้นล่ะ

หน้าตารายชื่อ ท่านกรรมการต่างๆ 

บรรยายกาศภายใน


กระเป๋าลายซะขนาดนี้ 

ที่จริงผมว่าแจกเสื้อเลยดีกว่านะ จะได้โฆษณาไปในตัวเลย


บรรยายกาศในที่ประชุม


คุณ กิติชัย (อยากไปถ่ายรูปด้วย แต่ตัวเหม็นๆ แต่งตัวเน่าๆ เลยเกรงใจ เดียวนึกว่าขอทาน)

วันนี้ได้ไปคุยกับ พนักงานก่อนประชุม ก็เรื่อง BLA นี่ล่ะ พูดไปพูดมา เลยถูกชวนมาทำงานที่ BLA เป็นนักวิเคราะห์ ซะงั้น 

เริ่มการประชุมเลยนะครับ

วาระที่ 1 รับรองรายงานการประชุม 54

วาระที่ 2 รับทราบผลการดำเนินการ 54 

  • สิ้นปี 54 มี สินทรัพย์เพิ่ม 27%
  • สำรองเพิ่ม 29% 
  • อัตราความพอเพียงของกองทุน 222% (ตัวเลขนี้ไม่มั่นใจนะครับ จดไม่ทัน) ตามปกติ 125%
  • รายได้ FYP -9% เกิดจากปีก่อนมีเบี้ยสั้นๆ ที่ขายดีเยอะ แต่ปี 54 ไม่มี
  • RYP +35% 
  • TP เพิ่ม 
  • โดยเบี้ยมาจาก Bank FYP -9% RYP +72% TP+32%
  • เทียบกลุ่มอุสหกรรม FYP เฉลี่ย 5.19% (BLA -9%) RYP 10% (BLA 29%)
  • ลงทุน ตราสารหนี้ 88% หุ้น 7.6% 
  • รายได้รวม +28%  
  • ROI 5.3 ลดลงจากปีก่อน
  • ค่าใช้จ่าย 12% (เทียบ TP 4.3%)
  • ROE 28% ลดลง
  • EV 21.17 (+16.36%) VNB 1.34 (-24.36%) เกิดจากการปรับใช้เกณฑ์การกองทุนบำรุง (จดไม่ทัน) ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น
ขออภัย จดไม่ทันจริงๆ คุณ ชาณ พูดน้ำไหลไฟดับเลย

  • เป้าหมายปีหน้า
  • FYP +12.6%
  • RYP +8.8%
  • TP +9.9%
และแล้ว คุณ กิติชัย ก็ประเดิมเลยครับ

  1. นโยบายการตั้งสำรอง จะตั้งเท่าไหร่ เพราะปีที่ผ่านมา 3 ไตรมาสแรกก็ตั้ง 60 ไตรมาสสุดท้าย ตั้ง 80 
  2. จะบริหารอย่างไรให้ FYP ได้ดังเป้าหมาย (12.6%) หรือจะขายเบี้ยระยะสั้นอีก เบี้ย 2 ปี เหมือน2-3ปีที่ผ่านมา
  3. เห็นว่าตั้งเป้าหมาย ขยายตัวน้อยกว่ากลุ่มอุตสาหกรรมอีก ทำไม 
 
  1. เรื่องการตั้งสำรอง จะใช้เกณฑ์ จากคปภ คือ GPV กับ NPV โดย GPV จะ mark to market ทำให้เมื่อดอกเบี้ยลง ก็ต้องตั้งสำรองเพิ่มขึ้น ซึ่งทาง BLA จะเลือก GPV หรือ NPV ก็ขึ้นอยู่กับว่า ตัวไหนต้องสำรองสูง (เลือกตัวที่สูงกว่าเสมอ) และในปีนี้คาดว่าสำรอง 62-66% 
  2. ปีนี้จะออกเบี้ยระยะสั้นอีก แต่จะไม่ให้ออกมามากเกินไป เพื่อลดความเสี่ยง สำรองลง (เบี้ยสั้นจะต้องสำรองสูงกว่าเบี้ยระยะยาว
  3. การทำธุรกิจ ขึ้นอยู่กับการสร้างผลตอบแทน ปันหาคือเกณฑ์ การตั้งสำรองของประกันหลัก จะลดภาษีได้ 65% แต่เบี้ยสั้นๆ จะต้องสำรองมากกว่านั้น (น่าจะหมายถึง พยายามขายเบี้ยทั้งสั้นและยาว เอาให้ลงตัวที่ 65% พอดี)
วาระที่ 3 อนุมัติ งบดุล งบกำไรขาดทุน

Q
  1. ทำไมผลตอบแทนจากการลงทุนมันลดลง (ลงทุกปี) แล้วปีนี้จะได้เท่าไร
  2. นโยบาย 54 ทำไมลดการลงทุนในหุ้น แล้วปีนี้จะลดการลงทุนในหุ้นต่อหรือไม่
A
  1. ปีนี้คาดว่าจะได้ 5.03% (ลงไปอีก) 
  2. สำหรับหุ้น จะเน้นระยะยาวจากเงินปันผล และราคาหุ้นในอนาคต โดยจะลงทุนไม่เกิน 10% ของเงินลงทุน และในทุกปี ก็จะมีเบี้ยใหม่มาเรื่อยๆ ทำให้สัดส่วนการลงทุนในหุ้นลดลง เพราะไม่ได้ลงทุนเพิ่มเติม ส่วนเรื่องที่จะลงทุน ต้องดูสถาวะด้วย
วาระ 4 ปันผล กำไรสะสม

Q อัตราส่วน เงินกองทุน ต่อ ความเสี่ยง ประมาณ 200% (เมื่อกี้ที่เขียน 222% น่าจะเป็นตัวเดียวกันนะครับ) ตอนนี้ ผบ เห็นว่า มากไป น้อยไป แล้วที่เหมาะสมคือเท่าไร 

ในอนาคตถ้าเงินกองทุนมากไป จะมีโอกาสจ่ายเป็นเงินปันผลมากขึ้นไม อย่าง SCBLIF ยังทำได้เลย

A ความเพียงพอมาจาก Rich Chart จาก ระยะเวลาสินทรัพย์ลงทุน ต่อ ระยะเวลาหนี้สิน (จดไม่ทัน) โดยพยายามยึดสินทรัพย์ลงทุนให้มากขึ้น ระดับที่คิดว่าเหมาะสมคือ 250% ของ CAR ratio  ซึ่งตอนนี้อายุเฉลี่ยของตราสารหนี้ ก็เพิ่มขึ้นจากปี 53 ที่ 7.55ปี เป็น 8.6ปี ในปี54 จะช่วยลด Rich Chart ไปได้ รวมไปถึงการออกแบบประกันแบบใหม่ๆ ก็ช่วยลดต้นทุนเพื่อใช้เป็นระยะยาว 

Q ถ้าอนาคต เงินเกิน 250% แล้ว จะเพิ่มปันผลไม 

A มีความเป็นไปได้ แต่ต้องดูว่า มีโอกาสลงทุนในด้านอื่นๆ หรือไม่ 

เสริม ทุกครั้งที่ต้องจ่ายเงินปันผล ก็ต้องของ คปภ ก่อน เลยไม่อยากขอ ถ้าคิดว่าจะถูกปฎิเสธ แต่ถ้ามั่นใจ ก็จะขอให้

Q ทำไมปีนี้คิดว่า ROI 5.03% เอง แย่ลงไปอีก (ปีก่อน 5.3 5.4 ลดมาเรื่อยๆเลย) 
แล้วก็ SCBLIF ปันผลตั้ง 30 บาท ทั้งที่งบ BLA กับ SCBLIF ก็แข็งพอกัน 

A เรื่อง Payout ratio BLA ,SCBLIF มีการจ่ายเงินปันผลต่างกัน เพราะภาระผูกพันธ์ ต่างกัน และก็ไม่รู้ด้วยว่า SCBLIF เป็นอย่างไร 

อัตราผลตอบแทนจาก Yield Cave ก็ลดลงมาก ถ้าถือเงินในระยะสั้น ก็ทำให้ความพอเพียงต่ำลง เลยต้องลงทุนในตราสารหนี้ที่ดอกแย่ ( 10ปี 3.5%) ทำให้ผลตอบแทนเฉลี่ยลดลง เลยคิดว่าปีนี้ 5.03 % 

(ประมาณว่า ปีก่อนๆ ดอกเบี้ยสูง แต่ปีหลังๆ ดอกต่ำลง แต่ยังได้บุญเก่าจากปีก่อนๆเยอะ)

วาระที่ 5 พิจารณาแต่งตั้งกรรมการ 

วาระที่ 6 ค่าตอบแทน น้อยกว่า 14ล้าน (ปีก่อน 13ล้าน)

วาระที่ 7 พิจารณา ผุ็สอบบัญชี 

วาระที่ 8 อื่นๆ

  1. ทำไม ปีที่แล้ว FYP ลด ทั้งที่ค่าเฉลี่ยโต SCBLIF ยังโตเลย
  2. ทำไมไม่ทำการขายช่องทางอื่นบ้าง อย่างSCBLIF ยังจับมือโลตัสเลย มีตั้งหลายทาง ทำไมไม่ทำบ้าง จะเป็นที่ 5 แล้ว
  3. SCB ก็มีประวัติ จ่ายปันผลน้อยทุกปี แต่ปีนี้เป็นปีแรก เลยอยากให้ BLA จ่ายปันผลเยอะๆบ้าง จะได้ทำให้ ROE สูง DIV สูง คนจะได้สนใจ
ตบมือกันใหญ่ ผบยังตบมือเลย ตกลงยังไงนี่

A ผบตอบย้อนจาก 3 มา 1นะ แต่ผมแก้ให้นะ
  1. เรื่องว่าทำไมโตน้อย ตอบแล้วนะ ส่วนปีนี้ โตยังไง ก็จะพัฒนาแบบประกันให้มีแบบใหม่ที่ดีขึ้น รวมไปถึงการบริหารความเสี่ยงด้านการเงิน การพัฒนาผู้ขายประกัน เป็นผู้วางแผนทางการเงิน ก็น่าจะช่วยให้เบี้ยประกันโตขึ้น
  2. กำลังมุ่งเน้นใช้ช่องทางหลักให้แข็งแกร่งที่สุด แต่ก็มีการเริ่มให้ธนาคารขนาดกลางและเล็ก มาช่วยขายด้วย (เพิ่มช่องทาง) 
  3. Payout ratio ,Car ratio SCBLIF จะลงทุนหุ้นน้อยมาก เป็นตราสารหนี้เยอะ นอกจากนั้นยังเน้น คุ้มครองเครคิตเยอะ ซึ่งเป็นเบี้ยระยะยาวกว่า ทำให้ CAR สูง BLA มีค่า CAR ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม เลยทำให้จ่ายปันผลมากไม่ได้ 
Q การโฆษณา BLA คิดว่าจำเป็นหรือไม่ เพราะการควบคุมค่าใช้จ่ายของกลุ่ม Bank ขายประกัน BLA ค่อนข้างควบคุมได้ดีเยียม แต่ก็อยากให้มีการโฆษณาบ้าง นะครับ 

A มีการตั้งงบโฆษณามากขึ้นเยอะในปีนี้ แต่ก็ต้องระวังเรื่องค่าใช้จ่ายที่จะตามมาด้วย 

เสนอแนะ อยากให้มีขายประกันแบบพิเศษ ให้กับผู้ถือหุ้น เพื่อจูงใจ และให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าธรรมดา

Q ได่ยินมาว่า จะมีรายได้จากการขายหน่วยลงทุน คิดว่าจะได้กี่ % 

(อันนี้ฟังไม่ชัด แต่คาดว่าจะหมายถึง คนขายประกัน ที่จะนำเสนอ ทั้งประกันชีวิต ประภัย หน่วยลงทุนอื่นๆด้วย )

A มีทิศทางให้ตัวแทนเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน แบบ One Stop Service รวมไปถึงประกันชีวิต ที่มีส่วนของการลงทุนด้วย ส่วนเรื่องรายได้จากจะหวังผลตอบแทนของการขายประกันชีวิตเป็นหลัก ไม่เน้นอย่างอื่นมากนัก

อนาคตไป จะมีประกันแบบ Unit Link ด้วย ซึ่งจะได้รับผลตอบแทนเพิ่ม ถ้าBLA ทำ ROI ได้ดี แต่จะมีขั้นต่ำให้ดี เผื่อทำ ROIไม่ได้ตามที่ขาด (ซวยดิ ขาดทุนเลยนะ)

Q เรื่อง Unit Link AIA ทำแล้ว แล้วBLA เมื่อไหร่จะทำ แล้วมันค่อนข้างซับซ้อน กว่าจะสอนตัวแทนให้เข้าใจแล้ว ต้องใช้เวลา แล้วคิดว่าเมื่อไรจะมี

A อยู่ในการเตรียมการ แต่ Unit Link ไม่สามารถ ลดภาษีได้ แถมต้องสำรอง 90% เลยไม่ค่อยเหมาะกับปัจจุบันนัก ตอนนี้กำลังติดต่อกับรัฐบาลอยู่

Q เห็นมีกรรมการญี่ปุ่นอยู่ด้วย ไม่ทราบว่ามี ลูกค้าเป็นคนญี่ปุ่น หรือไปขายในประเทศญี่ปุ่นหรือไม่

A เขาช่วยขยาย เช่น ธุรกิจประกันภัยกลุ่ม ของบริษัทญี่ปุ่น นอกจากนี้ เขายังมีประสบการณ์มากว่า ยาวนานกว่าเราเยอะ เราก็ได้แนวคิดดีๆจากเขามามากเหมือนกัน  

เสนอแนะ อยากให้โฆษณามากขึ้น และตลาดผู้สูงวัยในประเทศไทย เยอะขึ้นมาก แต่ BLA กลับไม่มีในส่วนนี้เลย เลยรู้สึกเสียดายแทน 

Q สรุปเรื่องการเติบโต ปีหน้าเบี้ยโต 9% มันจะโตต่ำกว่าอุตสาหกรรมโดยรวม อย่างเดือน 1-2 ก็ได้ที่ 4 ไปแล้ว แพ้อีกแล้ว

A พยายามรักษา และขยายตัวอยู่ และกำไรสำคัญมาก จะพยายามรักษาสมดุลในการขยายตัวธุรกิจ กับกำไร อย่างปีก่อนก็เกิดปันหาไปแล้ว

(คาดว่า เบี้ยระยะยาวที่สำรองต่ำ มันค่อยข้างจะขายยากกว่าเบี้ยระยะสั้น ที่สำรองสูง เลยโตมากไม่ได้ ไม่งั้นโดนภาษีเล่นงานอีก เหมือนปีก่อน)

Q อยากเห็นความร่วมมื่อระหว่าง BLA กับ BBL อย่างเรื่องข้อมูลบัตรเครดิต ที่โทรมาก็มีแต่ BKI ทั้งนั้นเลย BLA หายจ๋อมไปเลย เพราะ Credit life ก็สำรองต่ำ เมื่อเทียบกับ ประกันขายผ่านแบงค์

A เห็นด้วย 

(เฮ้ ตอบงี้ได้ไงอ่า)

จบการประชุมนะครับ ก็ยังไงข้อมูลผิดพลาด เขียนผิด ฟังผิด ก็ขออภัยนะครับ

2 comments:

  1. อึ้งเลยคำตอบสุดท้าย

    ReplyDelete
    Replies
    1. มึนเหมือนกันครับ

      Delete