Saturday, April 7, 2012

แอบดู UPOIC UVAN CPI

มีลูกค้าสนใจหุ้น upoic ซึ่งเกี่ยวกับ น้ำมันปาล์มเป็นหลัก ว่าน่าสนใจไม ปันผลเยอะดีจัง
ผมก็เคยเขียนแล้วทีนึง แต่ขอลงรายละเอียดเพิ่มเติมนะครับ 

เรื่องน่าสนใจไม
 - ถ้าคุณอยู่ในกลุ่มนี้ แล้วคาดการณ์ล่วงหน้าได้ ก็น่าสนใจครับ 
- ถ้ามองระยะยาว ทั้งเงินเฟ้อ ทั้งเรื่องอาหารจะขาดแคลน เรื่องเพาะปลูกจะยากขึ้น (อากาศเปลี่ยนแปลง) น่าสนใจครับ 

ปัญหา
- เมื่อปลูกปาล์ม ต้องรอ 3ปี จึงเริ่มให้ผลผลิต 8-17ปี จะให้ผลผลิตได้เต็มที่ และจะจบลงในปีที่ 25 
-โดยปกติ เกษตรกรไทยเห็นผลผลิตไหน ได้ราคาดี ก็แห่กันปลูกอยู่แล้ว ซึ่งแน่นอน 
เมื่อ 2551 2553 2554 ที่ราคาน้ำมันปาล์มดี แสดงว่า น่าจะมี ปาล์มรอเก็บเกี่ยวอยู่
-การเติบโต ก็มีแน่นอน เมื่อดูจากผลผลิตต่อปี แต่อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันปาล์ม ที่ขึ้นลง มีผลมากกว่าผลผลิตโดยรวมซะอีก 
- เงินปันผล ถ้าสังเกตุดู กำไรเท่าไร ก็ปันผลประมาณนั้น กำไรตก ปันผลหด กำไรขึ้น ปันผลบวม







อันเก่า
==================== 4/7/12 ===================


upoic ทำน้ำมันปาล์มเป็นหลัก รายได้ก็มาจากน้ำมันปาล์มเหมือนกัน


คู่แข่งก็มี uvan




กับ CPI


เทียบกันเรื่องงบดื้อๆเลย

สินทรัพย์ ต่อหนี้สิน ใช้ได้ทั้ง Uvan Upoic เลย แต่CPI ทำไมหนี้สินเยอะไม่แน่ใจ
Uvan กับ CPI มีสินทรัพย์เป็น 3 เท่าของ Upoic

แบบนี้ดูผ่านๆ Uvan น่าจะมั่นคงสุด ตามด้วย upoic (มองแง่ขนาดบริษัทที่ใหญ่ น่าจะมั่นคงกว่า) แต่ CPI หนี้เยอะไปหน่อย


รายได้ ต่อ สินทรัพย์ นี่ Uvan กับCPI สูงกว่า 2 เท่าของ Upoic  แสดงว่า UVAN CPI  ทำได้ดีในการใช้สินทรัพย์สร้างรายได้ 


แต่อัตรากำไร UPOIC สูงกว่าซะงั้น  
เท่าที่เข้าใจมา 
UPOIC จะทำน้ำมันปาล์มจากพื้นที่ที่มี โดยการปลูกเองเลย ทำให้ อัตรากำไรสุทธิ สูงกว่า Uvan ที่ใช้การซื้อจากเกษตรกรเท่าไป 
แต่เพราะการปลูกเองของ UPOIC ทำให้เสียค่าที่ดินเพาะปลูกไป สินทรัพย์เลยค่อนข้างสูงเหมือนเทียบกับรายได้ แต่ Uvan ไม่ต้องเพาะปลูก จริงไม่มีสินทรัพย์ส่วนนี้มากนัก
ส่วน CPI เท่าที่หาข้อมูลได้ เป็นเจ้าของที่ดินเองเหมือน UPOIC แต่คงจะมีปัญหาเรื่องดอกเบี้ยจากหนี้ที่ทำไว้เยอะทำให้ รายได้เท่าไร ก็ไปลงในดอกเบี้ยหมด  

เข้าใจว่า กำไรของ UPOIC CPI จะขึ้นลงรุนแรงกว่า UVAN เพราะ 
ราคาน้ำมันขึ้น UPOIC CPI ก็ได้เต็มๆ ขนาดที่ UVAN ต้องเสียให้กับเกษตรกรด้วย
ราคาน้ำมันลง UPOIC CPI ก็รับไปเต็มๆ ขนาดที่ UVAN ก็สามารถไปกดราคาหรือไม่ทำการผลิตก็ได้ 

ส่วนเรื่อง ROA ROE ก็เหมือนที่เขียนไว้ UVAN เยอะกว่าอยู่แล้วเพราะว่า ไม่มีสินทรัพย์มาก (ที่ดินเพาะปลูก) เหมือน UPIOC

นิดนึงกับ CPI 
ผมว่าตัวนี้แปลกมาก โดยปกติ บริษัทที่มีหนี้สินมาก จะทำ ROE ได้ดีกว่า บริษัทที่มีหนี้น้อย (แต่เพิ่มความเสี่ยงแทน) แต่ CPI กลับทำ ไม่ได้เรื่อง ซะงั้น แปลกดี

ส่วนเรื่องกำไรที่ขึ้นๆลงๆ เพราะว่า เป็นสินค้าโภคภัพท์ ถ้าโชคดีในตลาดขาดแคลนก็ขายได้แพง โชคร้ายตลาดล้น ก็ขายไม่ได้ ขายได้ก็ไม่คุ้ม ขายแพงไม่ได้เพราะคนหนีไปซื้อเจ้าอื่นหมด
พอจะขึ้นราคาที รัฐบาลก็บีบเหลือเกิน พอราคาลงก็ไม่มีใครสนใจ เข้ามาช่วยเหลือ



ข้อมูลเพิ่มเติม 
ต้นปาล์มเริ่มให้น้ำมันได้ตอน อายุ 3 ปี และจะให้น้ำมันเยอะๆ ช่วง 8-17 ปี ก่อนที่จะถูกโค่นในปีที่25 


รูปของ THAIVI นะ 

ที่ผมสนใจคือ กราฟด้านบน ราคาปาล์ม 30ปี ย้อนหลัง
ปี 51 กำไรมากๆ จาก ราคาปาล์มพุ่ง เหมือนปี54 (กำไรขั้นต้นก็สูงมากด้วย)

ปัญหาคือ ราคาตอนนี้ กำไรตอนนี้ ค่อนข้างสูง จากราคาปาล์มที่ทะลุไฮเดิมไปแล้ว ผมก็ไม่รู้ว่าจะไปได้อีกแค่ไหน อาจจะ 10เท่าก็ได้

"อะไรซักอย่างที่ทำแล้วดี คนจะเข้ามาแย่งกันทำ สุดท้ายแล้วจะแย่เอง"

ลองดูราคาน้ำมัน กับ ราคากลุ่มค้าน้ำมันดู พอน้ำมันแพง กำลังก็พุ่งตามไปด้วย
รอบที่แล้ว ขนาดวอแรนเองยังพลาดซื้อเลย ผมเองก็พลาดด้วย นึกไม่ถึงว่าราคาน้ำมันจะร่วงจาก 140 มา 40 ได้



ดูราคาพลาสติก กับกลุ่มพลาสติกหลายๆตัว ก็ไม่ต่างกัน หลังจากขึ้นมารุนแรง คนก็เข้ามาแย่งกันทำ สุดท้ายก็ over supply ราคาร่วงทั้ง พลาสติกและหุ้น กำไรตกลงอย่างหายนะ

ราคาMCS กับราคาเหล็ก ก็อีกตัวนึง พวกที่เล่นกับสินค้าโภคภัพท์ ทำให้กำไรช่วง 52-53 สูงมาก เพราะปี 51-52 ซื้อเหล็กมาได้ในราคาถูกมากๆ 



ผมว่าพวกนี้มันต้องอย่าเข้าไปในช่วงที่ดี หรือดีสุดขีด นะครับ

อันนี้เป็นความเห็นของผมนะครับ


1 comment: