Monday, November 5, 2012

บรรทึกช่วยจำ INTUCH ADVANC


ขอแจ้ง ณ ตรงนี้ก่อน ว่าผมมี  อาจทำให้เกิด Bias ด้วย ปล.มี intuch

===================20/12/12===============

ขอแจ้งเรื่อง 3 G ก่อน  สำหรับ ADVANC INTUCH นะ 
เรื่องการเปลี่ยนแปลงระบบ จาก 2Gกว่าๆ เป็น 3G นะครับ 

ข้่อเสีย
โดนบังคับให้ลดค่าบริการลง ประมาณ 10-15% อาจทำให้รายได้ ลงมาเยอะ แต่ในส่วนตัวเชื่อว่า บริษัทไม่โง่ลดราคาลงมาหรอกครับ น่าจะเป็นการเพิ่มการบริการกันมากกว่า 
อย่างจ่ายเดือน 700 ได้ค่าโทร 300 ได้เน็ตไม่จำกัด และ3Gสูงสุด อีก 1GB 
อาจ เป็น 700บาท ได้ค่าโทร 400 ได้เน็ต เพิ่มเป็น 1.5GB แบบนี้มากกว่า 
* คงไม่ลดค่าบริการเลยทันที

ค่าเสื่อมจากการลงทุน ครั้งใหญ่ ทำ 3G อาจทำให้กำไรตกกระทันหันในช่วงแรกด้วย 

ข้อดี 
ได้ลดสัมปทาน จาก 24%(มั้ง) เหลือ 5-6% (มั้ง)  ทำให้ รายจ่ายลดลงจากรายได้ เกือบ20% ในกรณีที่สามารถ ย้ายลูกค้าได้หมดทั้งที ซึ่งเป็นไปไม่ได้ อาจต้องใช้เวลาสักพักนึง

นอกจากนั้น ถ้าโชคร้าย โดนลดค่าลดบริการก็อาจทำให้ คนหันมาใช้บริการ อินเตอร์เน็ตบนโทรสับมากขึ้น ซึ่งค่าบริการ data มากกว่า voice 3เท่า 

แนวโน้มอนาคตเกี่ยวกับการใช้ Cloud อีกด้วย (การส่งดาต้าผ่านเครือข่าย ทำให้คนไม่ต้องมี Hard Disk) 

สรุป ผมมองว่า หุ้นปีหน้า ไตรมาสแรก กำไร อาจจะดอปลงมา แต่สุดท้าย ระยะยาว ก็จะดีเอง
ส่วนเรื่องการแข่งขันราคา ไม่น่าจะมีอีกแล้ว เหลือ 3 เจ้า ฮั่ว อยู่แล้ว

=========================================

INTUCH 

ที่ผมสนใจนะครับ

  • เป็นบริษัทแม่ของ ADVANC และ THCOM 
  • กำไร 98% และปันผลมาจาก ADVANC แต่กลับมีส่วนลด 15-20% 
  • ปันผลค่อนข้างเยอะ เพราะรายใหญ่ อยากได้เงินสด
  • ราคา (PE) ต่ำ ในภาวะตลาดแบบนี้
  • การเติบโต ที่ค่อนข้างจะสูง จาก ADVANC 
  • ADVANC มีส่วนแบ่งตลาดสูงคิดเป็น 44%จากยอดผู้ใช้ และคิดเป็น 54% (หมายความว่า ลูกค้าที่ใช้ AIS มียอดการใช้จ่ายสูงกว่าค่ายอื่น)
  • เห็นว่าจะไปทำ TV ดิจิตอลด้วย น่าสนใจ เพราะเป็นสื่อที่สำคัญ ในการโฆษณา .... (การเมือง)



แต่ก็มีความเสี่ยง ด้วย

  • เป็นหุ้นการเมือง เหนื่อยหน่อย
  • มีลูก - หุ้น ITV ขาดทุนยับ (เห็นว่ามีการตั้งสำรองไว้แล้วนะ) 


ตัวนี้ก็ต้องดู ADVANC เป็นหลักๆ ล่ะนะ ว่าดีหรือเปล่า 
ก็มาเรื่อง ADVANC 

ตั้งแต่ อดีตที่จำได้ (ไม่กี่ปี) ก็็จะเป็นเรื่อง ทักษิท ขายหุ้น Shin (Intuch) ก็เป็นเรื่องกดดันอีก
เรื่อง เทมาเซ็ก ก็อีกเรื่อง ปวดหัวกันตุบตับ
มา 3G รอบแรก ก็ประมูลไม่ได้อีก 
จนมาไม่นานนี้ ประมูลผ่านแล้ว แต่โดนลากเลื่อนอีก 

สรุปคร่าวๆ ประมาณนี้ แต่ช่างมัน เรื่องพวกนี้ มีไว้ให้ปั่นหุ้น ทุบหุ้นกันเท่านั้น อย่าได้หวั่นไหว 555

มาดูเรื่องของรายได้ดีกว่่า

เมื่อหลายปีก่อน ใครมีโทรศัพท์มือถือ ที่เป็นเครื่องกระติกน้ำ ใหญ่ๆ สมัยนั้น เท่โพดๆ แถมเครื่องนึง แพงมากๆ 

ต่อมา ก็มี nokia ออกโทรศัพท์ รุ่นที่ทำรายได้ ถล่มถลายมา 3310 ใครไม่รู้จักก็ตลกแล้ว แต่งเพลงได้ด้วย (กดโครตเหนื่อย) ช่วงนั้น โทรศัพท์ ก็มาเป็น 2G แล้ว

หลังจากนั้นมา ทุกคนก็เริ่มมีโทรศัพท์กันมากขึ้นเีื่รื่อยๆ เรียกได้ว่าเป็น Mage Trend (เมกะเทรนด์) 

จนกระทั้งมีหลายค่ายเข้ามาแข่งขันด้วย ช่วงนั้นเป็นการใช้โทรศัพท์คุยกัน เรียกว่า voice ซึ่งในตอนนี้ ข้อมูลก็ไม่ค่อยมี ส่วนค่าบริการก็แข่งกันเดือดมาก 

และก็เริ่มมีการทำ 3Gขึ้น (ที่ต่างประเทศ) แล้วก็มีโทรศัพท์ smart phone ออกมาเยอะมากขึ้น (Samsung htc อื่นๆ)  รวมถึงการโทรศัพท์ที่ใช้ส่งข้อความด้วย (ฺฺBB) ที่ทำยอดขายได้ดีมาก 

และเมื่อ 4G ออกมา(ประเทศไทยยัง 2G) ช่วงนั้น Iphone ก็ออกมาด้วย ทำการตลาดแบบใหม่ และทำยอดขายถล่มถลาย ในขณะที่ Nokia เตรียมประกาศล้มละลาย BB รายได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง และอีกหลายค่ายที่กำลังแย่ 

ขอพูดถึง SIS นิดนุง >> http://panwasit-stock.blogspot.com/2012/06/sis.html

ช่วงที่ผ่านมา ADVANC กำไรเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ทั้งเรื่อง

  1. ลูกค้าที่เข้ามาเพิ่ม จากคนที่ไม่มีโทรศัพท์ และเด็กรุ่นใหม่ (ตลาดรวมขยาย 10%) 
  2. ลูกค้าจากค่ายอื่นๆ ย้ายเข้ามา  
  3. ลูกค้าส่วนใหญ่ กำลังเปลี่ยนจาก voice มาเป็น data ที่ทำรายได้สูงกว่า (ตลาด data ขยาย 30%)
ในปีนี้ 2555 ค่าเสื่อมราคาที่ลดลง แต่ปีนี้ คาดว่าต้องลงทุนเพิ่มอาจทำให้กำไรหด แต่สัปทานใหม่เก็บส่วนแบ่งน้อยลง จากสัปทานเก่า (25% เหลือ 10%) (ข้อมูลไม่ชัวร์นะ)

แล้วก็มีข่าวมา กดราคาค่าบริการอีก ส่วนนี้ยอมรับว่าทำผมใจไม่ดีเลย แต่ได้พูดคุยกับ รุ่นพี่ที่นับถือคนนึง ชืิ่อ จ. ได้ความประมาณว่า

"ถึงค่าบริการจะถูกลงในภายหน้า อาจทำให้ รายได้ลด กำไรลด แต่ก็ไม่น่าจะมีปัญหา่ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ที่ใช้บริการก็มีคุณภาพอยู่แล้ว และในอนาคต ลูกค้าจะเปลี่ยนมาใช้ data กันมากขึ้น ซึ่งมันเป็นเทรนด์ ที่แน่นอนอยู่แล้ว สุดท้ายแล้ว กำไรก็จะกลับมา และเพิ่มขึี่นไปอีกในอนาคต"


มาดูหุ้นในแบบของผมล่ะักัน

ประเภทหุ้น
ADVANC และ INTUCH
หุ้นแข็งแกร่ง (Stalwarts) บริษัทที่แข็งแกร่งมีอัตราการเติบโตประมาณ 10 - 20% ต่อปี  เหมาะที่จะถือระยะยาว

ผมเชื่อว่าเป็นหุ้นที่แข็งแกร่งทั้งคู่ (แน่นอน) เพราะ advanc เป็นเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุด ดีั(น่าจะ)ที่สุด และยังเป็น mega trend ด้วย ยังไง คนที่เคยใช้โทรศัำพท์จะเลิกใช้ก็ยาก คนที่ใช้Data ก็จะกลับมาใช้ voice เหมือนเดิมยาก คนที่เคยเล่น เน็ตเร็วๆ จะกลับมาช้าลง ก็โมโห เช่นผมเป็นต้น 

INTUCH
ประเภทสินทรัพย์แฝง (Asset plays) บริษัทที่ราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าของสินทรัพย์ หรือมูลค่าตามบัญชีที่เราทราบแต่อีกหลายคนในตลาดยังไม่ทราบ เช่น  ที่ดินที่มีอยู่อาจมีมูลค่าตลาดสูงมาก  แต่บันทึกบัญชีเป็นราคาทุน  หรือในบริษัทประกันภัยที่ตั้งสำรองเงินประกันสูงๆ  

แอบเชื่อว่า Intuch อยู่กลุ่มนี้ เนื่องจากมี Advanc thcom csl อยู่

เรื่องของสินค้า การซื้อการขาย ลูกค้า คู่ค้า

1 สินค้าที่ใช้แล้วหมดไป

เรื่องคุย เรื่องบริการ มันหมดแน่นอน เรื่องข้อมุลก็ไม่น่ามีปัญหานะ

2 สินค้าทดแทน

เรื่องการคุย ในอนาคตหลายประเทศ ทดแทนด้วยการใช้ข้อความแืทนแล้ว แต่ก็ดีใช้ Data มันคิดค่าบริการแพงกว่า Voice ส่วนกรณีอื่น ยังนึกไม่ออก

3 สินค้าที่มีแบรน และคนซื่อสัตย์ในแบรนด้วย

ในตลาดไทย มี AIS DTAC True ที่เป็นเจ้าใหญ่ๆ ส่วน TOT หรือ ค่ายอื่นๆ ตัดมันไปเถอะ ไม่มีสาระ 
ซึ่งน่าจะรู้ว่าใคร ดูดีสุดในตอนนี้นะครับ 

อำนาจในการต่อรองจากซัพพลายเออร์

ปัญหาคือ กสทช และเรื่องการเมือง ที่ต้องใช้ กำลังภายในและพลังของใต้โต๊ะ (เดียวนี้บนโต๊ะเลยล่ะ ลองทำธุรกิจดู หรือที่ดิน จะรู้เลย)
พวกที่ชอบมาขวาง ชอบด่า ชอบก่อม๊อบ นี่ล่ะ 

อำนาจการต่อรองจากลูกค้า

สบายครับ ลูกค้ารายคนเลย อาจจะมีแบบสำนักงานเหมา แต่ก็สัดส่วนไม่สูงมาก

การแข่งขันภายในอุตสาหกรรม


สมัยก่อนค่อนข้างสูง (แทบจะโทรฟรี สุดท้ายเจ็บกันหมด) ปัจจุบัน โดนแบ่งเกรดกันเรียบร้อยแล้ว สังเกตุดู ค่าบริการแพงสุด แต่คนก็ใช้เยอะสุดอยู่ดี

การเข้ามาแข่งขันของผู้เล่นรายใหม่

ตายสนิท แทบไม่มีที่ว่างให้ใครเข้ามาแล้ว 

8 วัตถุดิบ การสินค้าโภคภัณฑ์

ไม่มี ใช่ป่ะ

9 โอกาสการเติบโตของสินค้า บริการ

ตามที่บอกไป เรื่อง การใ้ช้โทรศัพท์ที่มากขึ้น การเปลี่ยนมาใช้ ข้อมูล นอกจากนั้น คือการดึงส่วนแบ่งตลาดด้วย


เพิ่มเติม 
สัดส่วนลูกค้าเติมเงิน 90% ลูกค้ารายเดือน 10% รวม33.5ล้านคน
แต่รายได้ลูกค้าเติมเงิน 68% ลูกค้ารายเดือน 25%
เนื่องจาก ลูกค้าเติมเงินสร้างรายได้เฉลี่ย 209บาท ต่อเดือน
แต่ ลูกค้ารายเดือนได้เฉลี่ย 649บาท ต่อเดือน

รายได้จาก data เพิ่มจาก 14%ในปี52 >>17%ในปี53 >>20%ในปี54
แต่ลูกค้าที่ใช้ smart phone ราวๆ 11% (10% แต่รายได้เพิ่ม 20%)

No comments:

Post a Comment