เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมจำได้ อาจมีผิดพลาดบ้าง ขออภัย แจ้งด้วยก็ดีนะครับ
ปล ไม่ได้ชี้แนะ หรือ แนะนำ อะไรนะครับ ใครใคร่ซื้อ ใครใคร่ขาย ตัดสินใจเองนะครับ
เรื่องของเทคโนโลยีเป็นเรื่องที่ผ่านไปไวมาก คนที่ไม่ติดตามก็จะกลายเป็นคนล้าหลังไปเลย ยิ่งสมัยนี้ เยอะมาก จนไม่รู้จะติดตามอะไรแล้ว โดยที่ผ่านมา ก็มีบริษัทโตสุดๆ แล้วก็ล้มหายตายจากไปเยอะมาก โดยผมจะเอาส่วนที่จำไ้ด้มาล่ะกันนะครับ
เริ่มจากหุ้นไทยเลย
SIS ผมเคยเขียนบทความอยู่ นึกไม่ถึงว่า จะมีหายนะเพิ่มมาอีกอย่าง หลังจากน้ำท่วม 54 ไป สมัยก่อนเป็นบริษัทที่ทำกำไรได้ดี อัตรากำไรนิ่งมาก คาดการณ์กำไรได้ง่าย มีการเพิ่มประสิทธิภาพอีก แล้วก็การควบคุมสินค้าคงเหลือดีมาก ไม่ค่อยมีปัญหา
จนกระทั่ง SIS เจอน้ำท่วมไปรอบนึง ทำให้ขายสินค้าไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้รับความเสียหายมากนัก แม้จะขาดทุึน แต่โดยรวมก็ยังดีอยู่ ตอนนั้นผมเลยมองว่า น่าจะเป็นหุ้น turn around ได้ แต่ก็ไม่ได้ซื้อนะ เพราะส่วนตัวแล้ว ไม่ชอบหุ้นเทคโนโลยี แบบพวกขายโทรศัพท์มากนัก
จากนั้นไม่นาน บริษัท กำไรหดอีกรอบจนขาดทุน (ถ้าจำไม่ผิด) จากการที่ บริษัทมีมือถือ HTC และ BB อยู่ใน stock เยอะ แต่ขายไม่ออก (ช่วงนั้นรอบๆตัว มีแต่คนใช้ iphone Samsung กันหมด) ทำให้ต้องลดราคาอย่างหนัก เพื่อล้างstock ออกให้หมด และ samsung เองก็ดูเหมือนว่าจะเปิด shop เองด้วย ยิ่งทำให้ SIS พื้นฐานเปลี่ยนเข้าไปใหญ่ อีกด้วย
อีกส่วนที่ผมไม่ค่อยชอบ SIS มาแต่แรกด้วย ก็จะเหมือนทุกครั้งที่ผมบอก คือ ผมชอบธุรกิจที่ ใช้แล้วหมดไป อย่าง น้ำ อาหาร พลังงาน หรือบริการก็ได้ แต่ SIS ขายโทรศัพท์นี่สิปัญหา เพราะต้องรอลูกค้าใช้จนพัง ไม่ก็อยากเปลี่ยนเอง ก็ยังดีกว่าพวกคอนโด บ้าน ที่เป็นระยะยาวนะครับ
นอกจากนั้น ก็เรื่องราคาที่ถูกลงทุกวัน และโทรศััพท์ ที่ตกรุ่นเร็วเวอร์ (เล่นออกมาทุกเดือนนินา)
ปล. เหมือนเคยได้ยิน สินค้าIT พวกนี้ กำไรต่ำมากกกกก เห็นว่าตั้งแต่โรงงานสร้างจนวางขาย กำไรรวมราวๆ 5-10% เอง
IT ตัวนี้ผมเชื่อว่า มีคนตาม ดร เยอะมาก แต่ผมไม่ได้ตามนะ เหตุผลก็ไม่ต่างจาก SIS มากนัก สำหรับตัวนี้ ผมเอาคำพูดของ ดร มาเลยดีกว่า สะดวกกว่า แต่อาจไม่ตรงทุกตัวนะ แค่ประมาณเอา
" ตอนที่ซื้อ IT ผมเชื่อว่า เทรนของการมีคอมพิวเตอร์ทุกบ้าน มันกำลังมา (หลายปีมาแล้ว) อย่างน้อยก็ต้องมีกันบ้านละเครื่องแน่นอน ทำให้ตัดสินใจ ซื้อหุ้นนี้ เพื่อลงทุน"
" โลกมันเปลี่ยนไปเร็วมาก เมื่อก่อน ซื้อคอมที 4-5หมื่นบาท มีทั้งหน้าจอ เคสคอม คีย์บอร์ด เม้า ลำโพง อุปกรณ์เสริมก็มีพวก กล้อง สแกนเนอร์ พริ้นเตอร์ เต็มไปหมด "
" ตอนนี้เหลืออะไรบ้างล่ะ หน้าจอแบนๆ (ipad พวก tap-lap) เคส เม้า คียบอร์ด ลำโพง หายหมด แถมราคาก็ถูกกว่า คุณภาพก็ดีกว่า หรืออย่างโทรศัพท์ ก็รวมอุปกรณ์เข้าไปหมด เช่น กล้อง คอมขนาดจิ๋ว ไมค์ อัดเสียง อีกเยอะ หรืออย่างพวกอุปกรณ์เสริม เช่น พริ้นเตอร์ ก็ถูกกว่าหมึกพิมอีก สแกรนก็เหลือนิดเดียว ราคาก็ถูก กล้องสมัยนี้ ถูกสุดๆอีก "
รายละเอียดก็ประมาณนี้นะครับ
HTECH ผมก็มองๆอยู่ว่าจะทำยังไงต่อ สำหรับคนที่ไม่รู้ทำอะไร บริษัทนี้ ทำเกี่ยวกับใบมีดกลึง ใช้ในอุตหกรรมที่ต้องการความแม่นยำสูง ซึ่งรายได้หลักมากจากกลุ่มทำ Hard disk (ที่เก็บข้อมูลในคอม) โดยพวกใบมีดพวกนี้ ใช้ได้แปปๆ ก็ต้องเปลี่ยนเรื่อยๆ ทำให้บริษัท HTECH มีรายได้ค่อนข้างดีเรื่อยๆ
แต่อย่างที่บอก ในอนาคต อุปกรณ์ที่ใช้เก็บความจำ Flash
memory ซึ่งราคาลดอย่างรวดเร็ว จำได้ว่าตอนกล้องดิจิตอล ออกใหม่ๆ 32MB ราคาเป็นพันเลย ตอนนี้ 32GB ราคา 800 เอง (ดูดีๆ MB > GB 1000เท่านะ) ตอนนี้ราคาก็ยังลดอย่างต่อเนื่อง ในอนาคต ผมเชื่อว่า Flash
memory ต้องมาแทน Hard disk แน่นอน
*แต่เห็นมีคนว่าไว้ HTECH ก็เริ่มมีส่วนที่ผลิตให้กับ Flash memory ด้วย แต่ผมก็บอกไม่ได้นะ
JMART ตัวนี้ โดยรวมผมไม่ได้ตามมากนัก แต่รู้แต่ที่คนสนใจมากขึ้นเยอะ ทำให้ราคาไปไกลเลย ไม่ได้มาจากการขายโทรศัพท์ แต่เป็นการไปตามหนี้เน่า NPL มากกว่านะครับ
ตัวที่เหลือไม่ค่อยได้ตาม เท่าไหร่ ขออภัยนะครับ ที่เหลือก็จะเป็นของต่างประเทศ
Kodak โกดัก เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะ กล้อง และฟิล์ม ที่ใหญ่ และดีมากบนโลกเลย ในสมัยก่อน แต่ปัจจุบัน ถ้าจำไม่ผิด ประกาศล้มละลายไปแล้ว เนื่องจากอะไรก็น่าจะรู้กัน
เหตุเกิดจาก ตอนที่กล้องดิจิตอลออกมาใหม่ๆ บริษัทอื่นๆก็หันมาทำกล้องดิจิตอลกันหมด แต่ Kodak กลับไม่สนใจ โดย ผบ บอกว่า "ไม่มีทางที่กล้องดิจิตอล จะมาแทนกล้องฟิล์ม"
Nokia ได้ข่าวว่า อีกไม่นาน ถ้ายังไม่มีอะไรดีๆ ออกมาใหม่ บริษัทจะล้มละลายภายในปี 57 แน่นอน ทั้งที่เมือก่อน Nokia เป็นบริษัทที่ดีมาก โทรศัพท์ใครก็ใช้ Nokia แต่ตั้งแต่ปี 49 (ถ้าจำไม่ผิด) ก็ถูก BB ตีตลาด จากนั้น ก็เจอ Iphone Samsung ตีตลาดอีก แล้ว ระบบซิมเบียร์ที่คนไม่นิยมอีก (มันห่วย) ที่โดน IOS จาก Iphone กับ Android ตีตลาดเละเลย
อีกอย่างผมว่า การที่ Nokia ทำโทรศัพท์ ออกมามากเกินไป พยายามทำทุกตลาด ทำให้โทรศัพท์มันดูแย่ลง ตกรุ่นเร็วเกินไปด้วย
ปัจจุบัน Nokia ได้จับมือกับ Microsoft เพื่อทำระบบ window 8 phone ออกมาแข่งขันแทนแล้ว ซึ่งไม่รู้ว่าจะ สู้ได้แค่ไหน ดูกันต่อไป
ที่จริงยังมีอีกหลายตัวมาก ที่เจอปัญหาเรื่องเทคโนโลยี
- การพัฒนาที่เร็วมาก
- การที่แข่งขันราคาอย่างรุนแรง (เพราะต้องรีบขายให้หมด เดียวสินค้าล้าหลัง)
- เทรนด์ กระแส ที่เปลี่ยนแรงและรุนแรงมาก
- ส่วนใหญ่ มักจะขายเป็นเครื่องๆ ทำให้ต้องหาเงินตลอด ไม่มีการทบของรายได้ หรือ snow ball ด้วย
No comments:
Post a Comment