CV 24/12/2013
overview
เปิดกิจการครั้งแรกในปี 1995 ชื่อ"coca fresh suki แล้วเปลี่ยนมาเป็นชื่อ "hot pot suki shabu restaurant" ในปี 2001 จากนั้นปี 2005 เริ่มเปิดบุตเฟ่ครั้งแรก แล้วซื้อไดโดม่อนเข้ามาในปี 2011 และเข้าตลาดหลักทรัพย์มาในชื่อ HOTPOT โดยคุณ สมพล เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่รวม 52.5%
ปัจจุบัน มีแบรนด์ทั้งหมด 7 แบรนด์ คือ
1.Hot Pot Inter Buffet
เน้นเมนูมากกว่า 100 เมนู โดยมีค่าบุตเฟ่ 339/159 บาทต่อหัว จำกัดเวลาที่ 1ชม 30นาที มีทั้งหมด 44 สาขา
2. HOT POT Daidomon (HD)
เหมือน Hot Pot Inter Buffet แต่มี daidomon ด้วย และสามารถเลือกได้ว่า จะต้มหรือย่าง แต่ถ้าเอาทั้งต้มทั้งย่าง เพิ่มอีกคนล่ะ 30 บาทต่อหัว โดยมีค่าบุตเฟ่ 339+30/159+30 บาทต่อหัว (*ไม่แน่ใจ) จำกัดเวลาที่ 1ชม 30นาที มี 3สาขา
3.Hot Pot Buffet Value
เมนูจะน้อยกว่า Hot Pot Inter Buffet สำหรับคนที่ต้องการราคาถูกกว่า โดยมีค่าบุตเฟ่ 319/149 บาทต่อหัว มีทั้งสาขาจำกัดเวลาที่ 1ชม 30นาที 34 สาขา และอีก 37สาขาไม่จำกัดเวลา รวมทั้งหมด 71 สาขา
4.Hot Pot Ramen Beffet
เป็นสาขาใหม่ ทำราเมงบุตเฟ่ โดยมีค่าบุตเฟ่ 289/149 บาทต่อหัว ไม่จำกัดเวลา มี 1 สาขา (เซ็นทรัล รามา2)
5.Hot Pot Prestige
เป็น Hot Pot ที่ อัพเกรดเป็นแบบดูดี เป้าหมายลูกค้าระดับบน อาหารจะเยอะกว่า โดยมีค่าบุตเฟ่ 499/259 บาทต่อหัว ไม่จำกัดเวลา มี 1 สาขา (เซ็นทรัล บางนา) และเพิ่มอีกสาขาในช่วงปลายปี (เซ็นทรัลเชียงใหม่)
6.Hot Pot Suki Shabu
เป็นแบบ A La Carte (แบบสั่งเป็นถาดๆ เหมือนพวก MK) เป็นแบบดังเดิมเลย ก่อนที่จะมาทำบุตเฟ่ ปัจจุบันมี 2 สาขา
7.Daidomon
Bar-B-Q และอาหารญี่ปุ่น (take over) มีทั้งหมด 21สาขา โดยมีค่าบุตเฟ่ 289/149 บาทต่อหัว ไม่จำกัดเวลา สำหรับร้านที่ยังไม่ได้ปรับปรุง และค่าบุตเฟ่ 339/159 บาทต่อหัว จำกัดเวลาที่ 1ชม 30นาที
*ข้อมูลทั้งหมดในวันที่ 30/09/2013
โดยสาขาทั้งหมด 143 สาขา อยู่ใน
กรุงเทพและปริมาทน 60สาขา
ภาคกลางที่เหลือ 4สาขา
ภาคเหนือ 23
ตะวันออก 13
อีสาน 25
ตะวันตก 8
ภาคใต้ 10
เป้าหมายที่ผ่านมา
เปิดร้านใหม่ 14 สาขา
renovation 6สาขา
*ข้อมูลทั้งหมดในวันที่ 30/09/2013
เป้าหมายอนาคต 5ปี
เปิดสาขาใหม่ราวๆ 20-25 สาขาต่อปี (ต้นทุนการเปิดสาขาราวๆ 7-9 ล้านบาท
งบการเงิน
ในปี 2012 ซื้อไดโดม่อนมา รายได้เลยพุ่งเยอะ
กำไรขั้นต้นราวๆ 53-56% (ในงบ 9เดือน กำไรขั้นต้นขึ้นไป 58% เข้าใจว่าทั้งเรื่องราคาวัตถุดิบถูก และไตรมาส 3 ขายดีมาก (ถ้าขายได้เยอะ waste จะต่ำ ประหยัดต้นทุนได้มากกว่า)
กำไรขั้นต้นอยู่ราวๆ 2.5%
ส่วน cashflow มีเยอะพอสมควร (ปี2011 น้ำท่วม เลยมีการขอเลื่อนการจ่ายเงินกับเจ้าหนี้ทำให้กระแสเงินสดขึ้นมาเยอะมาก แต่ก็ต้องไปจ่ายในปี 2012 แทน ทำให้ cashflow เหมือนหายไปเยอะ)
SG&A (ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร) *คำนวนงวด 9เดือน 2013
ส่วนใหญ่เป็น ค่าใช้จ่ายในการขาย 87% โดยแบ่งเป็น
ค่าเช่า 27.4%
ค่าพนักงาน 32%
ค่าเสื่อม ค่าตัดจ่าย 12.6%
ค่าน้ำ ค่าไฟ 12.1%
ค่าการตลาด 6.9%
อื่นๆ 9%
ค่าใช้จ่ายในการบริหาร 13%
SSSG
ในงวด 9 เดือน ยอดขายโต 6.46%
Q&A
เรื่องที่ซื้อ ไดโดม่อน เข้ามาทั้งหมด 25 สาขา โดยปิดไป 11สาขาเพื่อ renovated และ Rebranded เป็น HD อีก 4สาขา เหลือ 10สาขา ที่ยังเปิดบริการอยู่ โดย renovated เสร็จแล้ว 8สาขา และยังไม่ renovated 2 สาขา
มีค่าเสื่อม 2 ปี จากที่ซื้อไดโดม่อนมา แต่เมื่อหมดส่วนนี้ไป ก็จะมีค่าเสื่อมใหม่เข้ามาแทนที่เพราะต้อง Renovated ด้วย
โดยการ take over จ่ายเงินไปทั้งหมด 45 ล้านบาท รับหนี้เข้ามา 84ล้านบาท สรุปว่าต้องจ่าย 129 ล้านบาท
สิ่งที่ได้มา
สินทรัพย์คงเหลือ (พวกอาหาร) 3ล้านบาท (หมดแล้ว)
อุปกรณ์ 18.9ล้าน (2ปีที่จะหมดไป)
สิทธิ์การเช่า 106ล้าน (มีตั้งแต่ 2ปี - 17 ปี) มีราคาค่าเช่าที่ต่ำมาก ประหยัดต้นทุนได้เยอะ
เงินประกัน 9 ล้านบาท (ห้างเก็บค่าประกันเช่าที่ไว้)
ภาษีมูลค่าเพิ่มจากสินค้า 3ล้านบาท
หนี้สินค่าชดเชยพนักงาน 4 ล้านบาท
รวม137 ล้านบาท (เข้าใจว่า ภาษีมูลค่าเพิ่ม กับหนี้สินค่าชดเชยพนักงาน ไม่นำมาคิดนะ)
สรุป ซื้อมาได้กำไร 7 ล้านบาท
Q : ค่าทำสาขาใหม่ 7-9ล้าน มีอะไรบ้าง
A : โดยเป็นค่าทำอุปกรณ์ประดับร้าน 4.5 ล้าน คิดค่าเสื่อม 6 ปี เพราะเวลาเช่าที่ก็จะเช่าได้ 3+3 ปี (3ปีแรกเช่าปกติ อีก3ปีสำหรับให้ต่อสัญญาณ)
*ถึงครบ 6ปี ค่าเสื่อมหมด แต่ก็ต้อง renovated เรื่อยๆ ทำให้ค่าเสื่อมในส่วนนี้จะยังมี แต่อาจจะน้อยลงบ้าง
ที่เหลือ เป็นพวกตู้เย็น เครื่องทำอาหาร อื่นๆ คิดค่าเสื่อม 5 ปี (ถ้าสาขาไม่ดี ก็ปิดแล้วเอาอุปกรณ์พวกนี้ไปสาขาอื่นได้)
Q : ต้นทุนต่างๆ
A : ต้นทุนการขายราวๆ 45% ของรายได้
แบ่งเป็นต้นทุนอาหาร 90% ของต้นทุน
และอื่นๆ เช่น ค่าขนส่ง ค่าแพ็ตอาหาร ค่าผลิตของโรงงาน ค่าแปรรูป และค่าแรงของโรงงาน 10%
SG&A ราวๆ 50-53% ของรายได้ (ส่วนแยก จะคิดเป็น % กับรายได้อีกทีนึง
Labor ราวๆ 18% ปีที่ผ่านมา เพิ่มเยอะเพื่อให้พนักงานรู้สึกดี และบริการลูกค้าให้เต็มที่ นอกจากนั้นก็เรื่องค่าแรง 300 บาทด้วย ทำให้ในปีก่อนๆ มีการเพิ่มในส่วนนี้เยอะ
Facititer 6% โดยเป็นค่าน้ำค่าไฟค่าแก๊ส เป็นค่าไฟเกือบ 70% ในส่วนนี้
Market 3% ค่าการตลาด
renral and service 14% (ค่าเช่าที่และบริการในพื้นที่ให้เช่า) เป็น fixcost
Depreciation 6.5% เป็นค่าเสื่อม
อื่นๆ 5% เป็น fixcost 50%
ค่าใช้จ่ายทีมบริหาร 0.7%
Q : มีอาหารผลิตเองเท่าไหร่ แล้ว จ้างผลิตเท่าไหร่ ผลิตเองนี่ถูกกว่าไม แล้วถ้าถูกกว่า ทำไมไม่ผลิตเองให้มากกว่านี้
A : อาหารผลิตเอง 40กว่า% เช่น แล่ หมัก
ที่เหลือจ้างผลิต เช่น อาหารสำเร็จรูปบางประเภท พวกผัก ผลไม้ 50กว่า%
โดยผลิตเองถูกกว่าจ้างผลิต (อยู่แล้ว)
อยากผลิตเองเพิ่ม แต่บางอย่างเราไม่สามารถผลิตเองได้ อย่างซาซึมิ เราไม่ถนัด เลยต้องจ้างผลิต
Q : อาหารในร้านมีอะไรบ้าง อันไหนขายดีบ้าง
A : อาหารในร้านมีหลักๆ 5 อย่าง
1.ชาบู กลุ่มนี้มี 50%
2.อาหารจานเดียว พวกอาหารญี่ปุ่น ยุโรป
3. ติ่มชำ
4. สลัด
*2,3,4 รวมกันประมาณ 10-20%
5.ขนม ผลไม้ ไอติม ที่เหลือ
Q : จุดเด่นที่เหนือกว่าร้านอื่น?
A : ไม่อยากให้เน้นสุกี้ เลยเน้น นานาชาติแทน แล้วก็ลองอะไรใหม่ๆตลอดเวลา
ที่ลอง HD ที่มีทั้งต้มทั้งย่าง มี 15 สาขา ก็มีผลตอบรับดีมาก โดยลูกค้าที่เข้าไป 70% ทานทั้งต้มและย่าง (จ่ายเพิ่ม 30 บาท)
สาขาไหนที่ไม่ดี ก็พยายามปรับปรุงแก้ไขจนถึงที่สุด แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ต้องปิด
Q : ทำไมไม่ทำแบบขายเป็นถาดๆ แบบ MK บ้าง เพราะมันคุมต้นทุน กำไรมากกว่า
A : ที่เราเปลี่ยนมาเป็นบุตเฟ่ 8-9ปี เพราะเคยทำแบบ MK แล้ว มันสู้ไม่ได้ เลยต้องมาเป็นบุตเฟ่แทน
Q : แนวโนมการเปิดสาขาในอนาคต
A : hotpot ตอนนี้มี 150 สาขา มีทั้งห้างใหม่ ห้างเก่าๆที่มีก็เยอะ เราก็ต้องไปเปิดตามเขาไป
*เราไปตามห้างใหม่ๆ แต่ถ้าร้านเก่าในห้างเก่าไม่ไหวก็ต้องปิด
น่าจะเปิดได้อีก 100 สาขา ก็จะเริ่มอิ่มตัว
ต่อไปก็คงไล่ซื้อแบรนด์อื่นมากกว่า เพราะ ง่ายกว่าทำเองเริ่มนับ 1 ใหม่ ซึ่งก็คงจะใช้วิธีกู้เงินมากกว่า จะเลี่ยงเพิ่มทุน อยากซื้อบริษัทที่มีกำไรเลยมากกว่า แต่ไดโดม่อน ซื้อเพราะถูก และช่วงว่าระยะยาวได้กำไร
เรื่อง AEC ก็มองหาพันธมิตรอยู่
Q : เรื่อง HD เป็นไงบ้าง
A : เป็น หน้าจอ 1080p
ล้อเล่นนะ
Q : เรื่อง HD เป็นไงบ้าง
A : สาขาแรกเพิ่มที่เซ็นทรัลลำปาง HDก็ดี แต่ไม่เข้าใจที่ต้นทุนเพิ่ม กำไรที่ควรจะเพิ่ม กลับไม่เพิ่มเท่าที่คิด
ลงุทน HD ไม่ถึงล้านบาท แต่ยอดขายดีขึ้นมากราวๆ 30% เลย แต่อัตรากำไรสุทธิไม่เพิ่มเยอะมาก (ผมเข้าใจว่า 1%กว่านะ)
(นักลงทุนส่วนใหญ่คิดว่า ถ้าเพิ่มรายได้ 8% จากค่าบุตเฟ่ 339 เป็น 369 จากการได้ทั้งต้มและย่าง แต่ต้นทุนก็เท่าเดิม อัตรากำไรสุทธิน่าจะเพิ่มเยอะกว่านี้มาก แต่มันกลับไปเป็นแบบนั้น)
อย่างสาขาเซนทรัลสุราษฎ ก็ไม่ค่อยดี ทั้ง Hot Pot และ Daidomon เลยจับมารวมกัน ปรับระบบ ปรับงาน ทำให้ต้นทุนลดลง wasteลดลง เพราะใช้บาร์เดียวกัน พนักงานน้อยลง ผู้จัดการสาขาน้อยลง ประหยัดได้เยอะ แถมขายดีขึ้นด้วย
Q : มีวิธีลดต้นทุนยังไงบ้าง
A : เรื่องลดต้นทุน ก็พยายามแล้ว ตั้งแต่ทำโรงงาน คิดวิธีต่างๆ ตัดรายจ่ายไม่จำเป็นออก ซึ่งมันไม่น่าจะลดต่ำได้มากกว่านี้แล้ว อย่างอาหาร ถ้าลดต้นทุนลง อาหารก็แย่ลง ถ้าลดค่าพนักงานลง พนักงานก็ไม่ชอบ ลาออก หรือไม่บริการลูกค้า ตอนนี้พยายามหาวิธีลด food cost จาก waste อยู่
ตอนนี้มีคนงานทำสาขา (สร้างและrenovation 150 คน (เกือบ 100 คน อยู่มาเป็น 10 ปีแล้ว) มีการซื้อเครื่องตัดสแตนเรย์ (ส่วนของบาร์) เครื่องตัดอคิลิ(พวกป้าย) มาใช้เอง ทำให้ประหยัดค่าทำได้เยอะมาก (ประหยัดได้เกือบ 50%)
Q : ที่ไหนดีที่สุด
A : ที่ดีที่สุด เซ็นทรัลพระราม 2 เบอร์1
Q : อนาคตต่อไป มีแผนจะเพิ่มรายได้ยังไงบ้างจากร้านเดิม (เน้น SSSG)
A : จะยกเลิก Hot Pot Value แล้ว จะไม่ทำแบบไม่จำกัดเวลาแล้ว แต่ราคาเดิมไปก่อน เพราะ ทั้งสภาพร้าน สภาพบาร์ มันยังไม่ควรปรับราคาขึ้นเลย นอกจากนั้น บางที่กำลังซื้อต่ำด้วย
Q : สาขาที่ขาดทุนทำยังไง
A : บางที่ขาดทุน แต่ก็ต้องยอมเพราะเป็นพันธมิตรกัน ก็ต้องยอมขาดทุนบ้าง อาจจะต้องคุยกันว่าจะช่วยยังไง ลดค่าเช่า หรืออื่นๆ เพื่อให้อยู่ได้ แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ต้องปิด (แต่ถ้าเรื่องพันธมิตรจริงๆก็ต้องยอมเปิดขาดทุนด้วย)
โลตัสไชยา ก็ปิดไปหลังจากเปิดไม่ถึงปี
สาขาที่ดูไม่ค่อยดี ก็มีราวๆ 20 สาขา ต้องรอปรับปรุง
สาขาที่ร่วมมือกับ hmpro 15 สาขา (8สาขาลงทุนร่วมกัน) มี 3 สาขาที่ไม่ดีเลย (อย่าไปมองว่าเสียหาย 3 สาขา อยากให้มองว่า สำเร็จ 12 สาขามากกว่า)
มีสาขาเปิดใหม่ แต่ก็มีปิดสาขาเก่าเรื่อยๆ
อย่าง ที่สกล โรบินสันมาเปิด คนก็ไปเดินโรบินสันแทน ทำให้สาขา hmpro ที่เคยดี ก็แย่
ปีนี้ปิดเยอะ แต่ก็โชคดีที่ไปเปิดสาขาใหม่ๆของห้างใหม่ๆเยอะ
แต่บางที่ ก็ยังมีกำไรก็ปิด อย่างที่นึง เปิดร้านที่ห้างเก่า สักพักก็มีโลตัสมาเปิด 2 สาขา เซ็นทรัลมาเปิดอีก 1 สาขา เลยต้องปิดสาขาเก่าทั้งทีกำไร เพื่อให้คนไปสาขาใหม่ แล้วกำไรดีกว่า
Q : ปีหน้าคาดว่ารายได้เท่าไหร่ แล้ว NPM จะยังไง มีเป้าไหม
A : ที่ผ่านมามีปัจจัยแปลกๆเยอะมาก daiaomon เข้ามาก็แย่เลยเพราะเงินไม่พอ ทั้งเรื่องค่าเสื่อม เรื่อง labor สารพัด แต่ก็แอบคิดไว้จะเปิดเพิ่มอีก 100สาขา
Q : เรื่องอาหารมีแผนยังไงบ้าง
A : เรื่องอาหารอันไหนขายไม่ดี มี wasteเยอะ ก็ต้องเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จะให้มีเทศกาลอาหารเป็นช่วงๆ อาจจะไตรมาสนี้มีอะไรพิเศษแบบนั้น มีแผนอยากให้เซฟที่มีชื่อเสียงมาเป็นฟรีเซนเตอร์ทำอาหารให้ แต่เล่นตัวเกินนนน 3 เดือนแล้ว เสียเวลา เลยคิดว่าจะเปลี่ยนคนแทนแล้ว แล้วจะให้มีอาหารใหม่ๆทุก season เลย
Q : เสนออยากให้มีเมนูพิเศษ เมนูที่พอใครพูด hotpot ก็นึกถึง (อย่าง MK นึกถึง เป็ดย่าง อย่าง the pizza com ก็จะนึกถึงพิชช่าหน้าเยอะๆ แป้งหนาขอบชีส แบบนั้น) แล้วก็อยากให้คนที่เข้ามา นึกถึงบางอย่าง (อย่าง MK ก็นึกถึงครอบครัว)
A : เรื่องนี้นอมรับว่า เมื่อก่อนห่วย เด็กทำงานไม่ดี ทำให้มีเสียงสะท้อนแย่ๆ เยอะ เราก็พยายามมาโดยตลอด ทำตามเป้าหมายมาตลอด
Q : เงินเดือนพนักงานเท่าไหร่ แล้ว turn over เท่าไหร่
A : เงินเดือนราวค่าแรงขั้นต่ำ แต่ถ้าที่ไหนหาเด็กไม่ได้จริงๆ ก็ต้องเพิ่มค่าแรงไปอีก 10 บาท 20 บาท ให้มันมีเด็ก turnover ราว 10% ที่เด็กมันลาออก มันเป็นปกติ มันจะมีพวกที่ เท่าไหร่ก็ไม่พอ หางานไปเรื่อย โดนซื้อตัวไปอีก เยอะแยะ
Q : กรณีการฟ้องร้อง มายังไง แล้วจะมีอีกไม
A : เพราะซื้อ daidomon มา แล้วมันสาขานึง เซ็นทรัลปรับปรุงพอดี แล้วทางนู้นเขาเรียกเงินมา 7 แสนบาท แต่ daidomon เจ้าของเก่าไม่ได้จ่าย พอเราไป take มา เซ็นทรัลเลยมาเก็บกับเราแทน เลยต้องฟ้องร้องตามกฎหมายแทน อนาคตไม่มีแล้ว แค่ครั้งเดียวก็พอแล้ว
Q : เรื่องงบโฆษณา ยังไงบ้าง
A : line 5ล้าน มีโฆษณาช่องดาวเทียม อย่าง shop 88 ของ RS ก็ด้วย
งบส่วนนี้จะให้ราวๆ 3% ของรายได้ ปีหน้าก็คงสัก 100ล้านบาท
ปีหน้าก็จะเน้นโฆษณา online และ cabal TV เป้นหลักแทน
Q :คู่แข่งคือ
A : อันดับ 1 ก็ ชาบูชิ รองลงมาก็เรา hotpot แต่อย่าง ซูกิชิดูเหมือนเขาจะไม่เอาบุตเฟ่แล้วเห็นไปเน้น บุตเฟ่ถ่านแทน
Q : เวลาเช่าห้างยังไง
A : ปกติเช่า 3ปี โดยสัญญาณมักจะเป็น 3+3 หมายถึง เช่า 3 ปี แล้วให้สิทธิเช่าต่ออีก 3 ปี ถ้าไม่ยกเลิก
Q : เรื่อง renovate เพราะอะไร ยังไงบ้าง ต้องปิดร้านไม แล้วห้างให้ส่วนลดอะไรไม
A : จะ renovate เมื่อยอดขายตกเท่านั้น อย่างเซ็นทรัลเชียงใหม่เปิด เซ็นทรัล airplane ก็ยอดตกเลย
อย่าง daidomon พอ renovate ก็ยอดขึ้นมา 2เท่าเลย
มี 2 แบบ คือแบบ Major แบบนี้ปิดร้านเลย จะทำไม่เกิน 45 วัน (แต่บางที 2วันก็เสร็จแล้ว) ให้กรณีการทำงานที่มีผลกระทบกับลูกค้าโดยตรง
อีกแบบคือ Minoe เป็นแบบ ทำไปเปิดไป ส่วนใหญ่เป็นแบบเล็กๆน้อยๆ
ส่วนเรื่องการปิด renovate ห้างไม่สน ต้องจ่ายค่าเช่าต่อ พนักงานก็ต้องให้เงินเดือนเหมือนเดิม
Q : เรื่องเปิดสาขาใหม่ จะพิจารณายังไง อย่างพวกห้างที่เปิดใหม่เยอะๆ สนใจไม
A : จะเลี่ยงพวก ห้างคนรวย ห้างของคนที่มีที่ดิน แล้วอยากเปิดห้าง ห้างพวกนี้ค่าเช่าที่แพง ลงทุนหนักกว่า เพราะงานระบบไม่ดี อย่างเครื่องทำความเย็น ห้างปกติจะมีชิลเลอร์ทำงาน แต่ถ้าห้าง open air มักต้องคิดแอร์เอง เปลืองไฟกว่า เปลืองค่าติดแอร์ เปลืองกว่าเยอะมากๆ
เรื่อง location ดีๆ อย่างโซนอาหาร จุดที่ติดบรรไดเลื่อนเพราะคนเยอะ
Q : เรื่องร้านเก่า มีการวางแผนยังไง ที่จะให้ SSSG เติบโตขึ้น
A :ต้องบอกว่า ส่วนใหญ่อยากให้เน้น Grow มากกว่า SSSG มันรักษาการโตยาก เปิดสาขาใหม่ง่ายกว่า อย่างห้างเปิดใหม่ ปีแรกคนก็เยอะ แต่พอปีต่อมา คนก็ลดลงเป็นปกติ SSSG ก็ตก ของแค่ sssg ไม่ลดก็พอ เน้นขยายสาขา
ต่อไป จะเปิด HD 90% เป็นหลัก ต้อง renovate major สัก 10 สาขา (ราวๆ 2-7แสนบาท) minor คงทำทุกสาขา (ทยอยทำ สัก 2ปี น่าจะเสร็จ) แล้วก็จะได้ปรับราคาด้วย
Q : ครัวกลางรองรับได้อีกกี่สาขา
A : เต็มที่รับได้ 200สาขา โดยอาจจะย้ายสำนักงานมาด้านหน้าเพิ่มเนื้อที่ได้อีก ก็น่าจะรับได้อีก 50สาขาที่กำลังจะเปิดใหม่ ถ้าจะเปิดโรงงานเพิ่ม ก็มีที่ดินรอบๆอีก 4ไร่ ให้ซื้อได้เลย
*****ความคิดเห้นส่วนตัว*****
มี 3 อย่างที่ทำให้กำไรได้มากขึ้น คือ
1.การเปิดสาขาเพิ่มจากการที่มีอยู่ 150 สาขา แล้วคาดว่าเปิดได้อีก สบายๆ เกือบ 100สาขา ก่อนที่จะ เริ่มอิ่มตัว (เห็นว่าตั้งเป้าเปิดราวๆ 20-25 สาขาต่อปี) (เพิ่มรายได้)
2.การเพิ่มของ NPM ที่ควรจะมีสัก 5% ของรายได้ (ได้ยินว่า ชาบูชิ ได้ถึง 10% เลย) (ปีนี้ต่ำ เพราะปิดปรับปรุงเยอะมาก) (เพิ่มอัตรากำไร)
3.การยกเลิก Hot Pot Buffet Value (319บาท) เปลี่ยนมาเป็นแบบ Hot Pot Inter Buffet (339บาท) และจะupมาเป็น HOT POT Daidomon (HD) (339+30บาท) ในอนาคต น่าจะทำให้กำไรดูดีขึ้นมาก แต่ดันไม่เป็นไปตามที่คิด -*- เห็นว่า waste เยอะขึ้น ต้นทุนเลยเพิ่มขึ้นแทน แต่คิดว่าอนาคตน่าจะดีขึ้นนะ (เพิ่ม SSSG)