บรรทึกช่วยจำ WORK
ก็ตัวนี้ คิดว่าคนน่าจะรู้จักกันดีนะครับ WORK POINT ครับ
ก็ตัวนี้ ผมสนใจนานล่ะ แต่ไม่ได้เขียนสักที ดันมาขึ้นซะแรงเลย ไม่กล้าเขียนเลย 555+
link ที่เกี่ยวข้องครับ
http://panwasit-stock.blogspot.com/2012/12/sat-tv.html
http://panwasit-stock.blogspot.com/2012/12/five-force-sat-tv.html
WORK : บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน)
ที่ผมสนใจนะครับ
- พวกรายการ TV ค่อนข้างดี มีคนติดตามเยอะครับ รายการดังๆมีเยอะ
- ผบห มีแนวโน้มอยู่ฝั่งเดียวกับผู้ถือหุ้นสูง (คาดการ์ณเองนะครับ)
- ส่วนของงบการเงิน ทำได้ละเอียด แยกเป็นสัดส่วนรายได้ต่างๆได้ดี
- ปันผลเยอะดี
- ธุรกิจ ต้นทุน ค่อนข้างคงที่ รายได้เพิ่มเท่าไหร่ กำไรก็ขึ้นเท่านั้นเลย (แต่%ขึ้นเยอะกว่า)
* ที่สำคัญ คือการทำช่องรายการของตัวเอง ที่ SAT TV ด้วยนะครับ ที่อาจทำให้รายได้เข้ามาเยอะ แต่ต้นทุนต่ำกว่า
แต่ก็มีความเสี่ยง ด้วย
- รายได้หลักๆ มาจากการโฆษณา ถ้าโฆษณาไม่เต็ม รายได้จะหดตัวอย่างรุนแรง
- เรื่องของเศรษฐกิจก็เีกี่ยวข้องเยอะ ถ้าเริ่มแย่ บริษัทส่วนใหญ่คงตัดงบโฆษณาออกก่อนเลย
- พวกกลุ่มนี้ ต้องอาศัย connection เยอะ ถ้าสมมุติ คนที่เป็นส่วนนี้ ลาออก เสียชีวิตไป แย่แน่ๆ
- ธุรกิจ ต้นทุนคงที่ ถ้ารายได้หด อ๊วกแตกครับ
- ธุรกิจดาวเทียม เราไม่สามารถบอกได้ว่า จะขึ้นราคาได้แค่ไหน แล้วก็จะโฆษณาได้ขนาดไหนด้วย กฎหมายยังไม่ชัด
===============================
มาดูหุ้นในแบบของผมล่ะักัน
ประเภทหุ้น
หุ้นโตเร็ว (Fast growers) บริษัทขนาดเล็กขนาดกลางที่มีอัตราการเติบโตที่สูงมากประมาณ 20 -25% ต่อปี เป็นหุ้นที่เหมาะจะถือในระยะยาว
เชื่อว่า การมี Sat TV , cable TV จะเป็นตัวผลักดันรายได้และกำไรนะครับ
เรื่องของสินค้า การซื้อการขาย ลูกค้า คู่ค้า
1 สินค้าที่ใช้แล้วหมดไป
โฆษณา รายการทีวี จัดงาน เป็นกลุ่มบริการอยู่แล้ว ยังไงก็ไม่เหลือ
*เน้นโฆษณาเป็นหลักนะครับ เพราะเป็นรายไ้ดหลักๆ
2 สินค้าทดแทน
ค่อนข้างเยอะ อย่างป้ายโฆษณาต่างๆ ก็ด้วย อินเตอร์เน็ตที่มากขึ้น การโฆษณาช่องทางอื่นอีกมากมาย
ส่วนนี้ผมเชื่อว่า ประเทศไทยยังมีการใช้ TV อยู่เรื่อยๆ ยังไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงเร็วมาก (มองไม่เกิน 5ปีนะ)
3 สินค้าที่มีแบรน และคนซื่อสัตย์ในแบรนด้วย
อันนี้ คงบอกยาก แต่ตามที่เคยบอก คนที่มาซื้อเวลาโฆษณา ส่วนใหญ่ ก็มักมี connection กับคนขายอยู่แล้วครับ มันไม่ใช่แบรน แต่เป็น Connection ครับ
4 อำนาจในการต่อรองจากซัพพลายเออร์
ไม่มีอำนาจเลย ขึ้นอยู่กับคนดู ว่าอยากดูช่องไหน เท่านั้นเอง
5 อำนาจการต่อรองจากลูกค้า
กลุ่มนี้ ถ้ารายการ TV ตัวไหน คนดูเยอะ ลูกค้า(คนซื้อช่วงเวลาโฆษณา) ก็ต้องซื้อล่ะ ไม่มีทางเลือกเลย ถ้าอยากโฆษณาให้คนดูเยอะๆ
6 การแข่งขันภายในอุตสาหกรรม
ค่อนข้างดุเดือดครับ แต่สุดท้าย ผู้ชนะก็จะชนะไปเลย คนแพ้ก็จะแค่พออยู่ได้ แต่ก็กำไรนิดหน่อยเท่านั้นเอง
7 การเข้ามาแข่งขันของผู้เล่นรายใหม่
ง่ายมาก เข้า่ง่าย แต่ก็ออกง่ายครับ ธุรกิจมันลอยๆ ลงทุนไม่เยอะ ที่เยอะมักเป็นค่าสังคม กับค่าคนมากกว่าครับ
8 วัตถุดิบ การสินค้าโภคภัณฑ์
-
9 โอกาสการเติบโตของสินค้า บริการ
โอกาสการเติบโต คือการไปทางช่องทางของตัวเอง ดาวเทียม หรือเคเบิ้ล tv แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่า คนสมัยใหม่ จะดูอะไรกันนะครับ
==========================งบการเงิน====================================
รายละเอียดส่วนนี้ เอาที่หลักๆมาให้ดูนะครับ
ส่วนตัวอื่นๆ ก็มีนิดหน่อย
* รายได้จากการจัดงาน ผมจะมองเป็นรายได้พิเศษไปนะครับ
อัตราทำกำไรขั้นต้น ของมาจากการผลิตรายการโทรทัศน์ นะครับ (ลองดู สูงกว่้าอัตรากำไรขั้นต้นทุกปีเลย)
บางอย่าง เช่น ตัดต่อภาพ ดูขาดทุนทุกปี แต่มันก็ต้องมี เพราะเป็นส่วนนึงของธุรกิจ ไม่ต้องตกใจครับ (ทำรายการTV แล้วไม่มีฝ่ายตัดต่อภาพ คงตลกน่าดู)
เอาของปี 54 มานะครับ อาจผิดพลา่ด ก็ขออภัยนะ
ก็ดูรายได้เลย 1,390 ลบ
เวลาที่ออกรายการ ประมาณ 83200 นาที ต่อปี
การโฆษณา ได้ ชม ล่ะ 10 นาที หรือ โฆษณาได้ 13,867 นาทีต่อปี
ก็จะตก นาทีล่ะ แสนบาทพอดี
ค่าโฆษณา แสนบาท ก็ใกล้เคียง ค่าโฆษณา ที่บทวิเคราะห์ ลงไว้ว่าประมาณนี้ ใช้ได้ครับ
กรณี ถ้า รายได้จาก Sat TV เข้า ก็คิดตาม
ตามลิ้งนี้เลย
ลองประเมินมูลค่าเองนะครับ
No comments:
Post a Comment