BGH
- โรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ
- ผบห มีแนวโน้มอยู่ฝั่งเดียวกับผู้ถือหุ้นสูง (เล่นซื้อตลาดทางเลย)
- เป็นโรงพยาบาลที่ไล่เทคโอเวอร์ โรงพยาบาลอื่นๆเยอะมาก
- เนื่องจากการเทค ไม่ได้เทคแล้วจบ แต่มีการเข้าไปบริหาร ปรับปรุงด้วย แน่นอน โรงพยาบาลที่เทคมา สามารถทำกำไรได้ดีขึ้นด้วย
- การที่มีโรงพยาบาลเป็นเครือข่าย ทำให้เกิดอำนาจต่อรองได้สูง อย่างการซื้อยา การซื้ออุปกรณ์การแพทย์ต่างๆ
- เครื่องมือทางการแพทย์ บางตัวมีมูลค่าสูงมาก ทำให้โรงพยาบาลเล็กๆ ไม่สามารถมีได้ แต่ BGH มีได้สบาย เพราะแค่เครื่องเดียว ก็รับคนได้ทั้งหมดจากโรงพยาบาลในเครือด้วย (โอนคนไปมาได้สะดวก)
- สรุป โรงพยาบาลยิ่งใหญ่ ต้นทุนยิ่งประหยัด และสามารถดันรายได้ได้ทั้งเครือด้วย
แต่ก็มีความเสี่ยง ด้วย
- ถ้ากำไรมากไป เดียวจะโดนกลุ่มคนชอบหาเรื่อง พวกนักวิจารณ์ เล่นงานเอา
- การเทคโอเวอร์ โรงพยาบาลอื่น ถ้าควบคุมไม่ดี ก็มีปัญหา หรืออย่างที่ผ่านมา โีรงพยาบาลในเครือ ไปซื้อสนามกอฟท์ ซึ่งผมมองว่ามันไม่ดีมั้งนะ (หรือว่าคนป่วยต้องไปออกรอบกับหมอ)
เรื่องของ BGH ก็เป็นโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงมาพอสมควร เมื่อก็ไม่มีอะไรมาก จนกระทั้งมาไม่กี่ปีมานี้ ก็เริ่มมี คุณหมอ ปราเสริฐ เข้ามาซื้อเยอะมาก ซื้อทุกวัน จนหุ้นขึ้นไปเยอะมาก นอกจากนั้น ก็มีการเทคโอเวอร์โรงพยาบาลอื่นๆอีกมาเรื่อยๆ ทำให้กำไรต่อหุ้นขึ้นไปเร็วมาก
การสร้างโรงพยาบาลใหม่เอง มันไม่ค่อยจะคุ้มเท่าไหร่ ไหนจะค่าก่อสร้างออกแบบ ค่าเสื่อม ค่าอุปกรณ์ การหาพนักงาน ลูกค้าอีก แบรนด์ที่ต้องเริ่มต้นใหม่ สู้เทคโอเวอร์เลยจะง่ายกว่า (คิดเองครับ)
ถือบริษัทเยอะไปหมด
ที่ผมชอบอีกอย่างนึง คือการแสดงบัญชีที่ดี อ่านง่าย ไม่มักง่ายนะ เหมือนบางบริษัท ที่บอกว่า กำไรเพิ่ม เพราะรายได้เพิ่ม จบ แบบนี้ไม่มีสาระเลย
* เป็นหุ้นที่ผมคิดว่า จะถือได้สบายใจในระยะยาวเลยนะครับ แค่ปันผลไม่ค่อยอิ่มเท่านั้นเอง
================================
มาดูหุ้นในแบบของผมล่ะักัน
ประเภทหุ้น
หุ้นแข็งแกร่ง (Stalwarts) บริษัทที่แข็งแกร่งมีอัตราการเติบโตประมาณ 10 - 20% ต่อปี เหมาะที่จะถือระยะยาว
ผมเชืิ่อว่า BGH เป็นหุ้นที่แข็งแกร่ง โตได้สบายๆ ในระยะยาว ทั้งเรื่องที่มีการเทคโอเวอร์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เรื่องที่สามารถเพิ่มรายได้ (ค่ารักษา) ลดรายจ่าย (เนื่องจากเป็นบริษัทใหญ่ การจ้างหมอก็จะสามารถลดต่าจ้างได้เพราะมีชื่อเสียง และมีการโคกับมหาลัยดังๆด้วย นอกจากนั้นก็เรื่องค่ายา เครื่องการแพทย์ ที่บอกไปแล้วด้วย ทำให้อัตรากำไรได้สูงขึ้นอีก
เรื่องของสินค้า การซื้อการขาย ลูกค้า คู่ค้า
1 สินค้าที่ใช้แล้วหมดไป
ยา บริการ การแพทย์ ใช้ยังไงก็หมดไปล่ะครับ ^^
2 สินค้าทดแทน
ยานอกตำรา พวก น้ำป้าเช้ง พวกนี้
การแพทย์ แผนโบราณ หรือแบบแปลกๆ
พวกที่เกี่ยวกับการรักษาสุขภาพด้วย อย่าง น้ำดื่มสุขภาพ แต่เชื่อเถอะ เป็นเบาหวานกันหมดล่ะ เข้าโรงพยาบาลต่อ 555+
3 สินค้าที่มีแบรน และคนซื่อสัตย์ในแบรนด้วย
เรื่องชื่อเสียงเป็นอะไรที่สำคัญมาก ในวงการแพทย์ เพราะว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตคนโดยตรง อย่างสมมุติคนที่สำคัญ ดันชักไปนอนเงอะๆอยู่บนพื้น คุณจะเอาเขาไปส่งที่ไหน ระหว่าง โรงพยาบาลชื่อดัง กับสถานี อนามัย
แล้วอีกเรื่อง ถ้าคุณป่วยอยู่ แล้วให้ยามากิน ระหว่างยาเม็ดละ บาท กับเม็ดล่ะ พันบาท จะเลือกอันไหนดี
เพราะเป็นเรื่องชีวิต คนเลยยอมจ่ายไม่อั่น เพื่อให้มีชีิวิตที่ยืนยาว
ดูเหมือนจะโหดร้ายนะ แต่ก็ต้องยอมรับความจริงล่ะครับ
4 อำนาจในการต่อรองจากซัพพลายเออร์
ตามที่บอก ที่โรงพยาบาลใหญ่ อำนาจต่อรองยิ่งเยอะ ไม่ว่าจะเป็น
เรื่องยา การซื้อยา พันเม็ด กับ ล้านเม็ด ยังไงซื้อเยอะก็ถูกกว่าอยู่แล้ว
เรื่องบุคลากร การที่โรงพยาบาล เรื่องที่ทำงานที่ไหนก็ตามที่มีชื่อเสียงมาก ค่าแรงจะต่ำกว่าที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียง
เรื่องเครื่องมือการแพทย์ นอกจากเรื่องการซื้อด้วยปริมาณมากนั้น การซื้อเครื่องที่มีมูลค่าสูงมา่กๆ ในโีรคเฉพาะทาง คนรักษาน้อย ก็สำคัญ เพราะยิ่งโรงพยาบาลใหญ่ คนเยอะ ก็จะสามารถถึงจุดคุ้มทุนได้เร็วกว่ามากด้วย
5 อำนาจการต่อรองจากลูกค้า
สบายครับ ลูกค้ารายคนเลย แถมเอาเรื่องชีวิตมาต่อรองอีก โหดขิงๆ
อาจจะมีเรื่องลูกค้า 30 บาทในโรงพยาบาลลูก ส่วนนี้สุดท้ายแล้ว ก็จะหมดไป เพราะว่าทำไปแล้วไม่คุ้ม ขาดทุนยับ
อาจมีลูกค้าเป็นกลุ่มๆจากบริษัทบ้าง หรือพวกประกันบ้าง
6 การแข่งขันภายในอุตสาหกรรม
ค่อนข้างสูงเพราะแย่งกันลูกค้ากัน แต่สุดท้าย คนที่ต้นทุนต่ำ มีส่วนแบ่งตลาดใหญ่สุด ก็จะเป็นผู้ชนะครับ แถมผู้ชนะก็จะค่อยๆกลืนกินผู้แพ้จนหมดด้วย
ในอนาคต ไม่แน่ อาจเหลือ BGH โรงพยาบาลเดียวในไทยก็ได้นะ สาธุ
7 การเข้ามาแข่งขันของผู้เล่นรายใหม่
ตายสนิท ยากครับ ผมนึกไม่ออกเลย มีแต่รายเก่าๆเท่านั้นล่ะครับ
8 วัตถุดิบ การสินค้าโภคภัณฑ์
ไม่มี ใช่ป่ะ
9 โอกาสการเติบโตของสินค้า บริการ
ยังมีโอกาสเติบโตได้มาก ทั้งเรื่อง ค่ารักษาที่ยังถูกอยู่ และการแพทย์ที่ยังเข้าไม่ถึงในต่างจังหวัด
==========================งบการเงิน====================================
แนะนำให้ดูงบรวมนะครับ เพราะ BGH เน้นควบรวมกิจการ
เงินสดเหลือเฟือ
ลูกหนี้การค้าเพิ่มเล็กน้อย เข้าใจว่าเป็นบริษัทลูกที่ควบเข้ามาเพิ่มนะ ส่วนงบเฉพาะกิจการเท่าเดิม ดีๆ
สินค้าคงเหลือหายไปไหนหมด เกิดอะไรขึ้นหว่า
เงินลงทุนในบริษัทร่วมเยอะขึ้นมากเลย แสดงว่าเทคโอเวอร์มากขึ้น (มั้ง)
แต่เงินลงทุนในระยะยาวกับเงินฝากถูกถอนออกหมดเลย หายหมดเลย o.O สงสัยเอาเงินไปซื้อกิจการมั้ง
โดยรวมก็ไม่ค่อยมีอะไรมากนัก
แปลกใจลูกหนี้การค้ากิจการที่ไม่เกี่ยวข้องคืออะไรหว่า งง
แต่โดยรวมแล้ว ก็ยังดี หนี้ที่มากกว่า 12 เดือนไม่เยอะมาก ไปเยอะ 3 เดือน
เงินกู้ยืมระยะสั้นเยอะมาก ในงบการเงินเฉพาะกิจการ แสดงว่ามีบริษัทลูก ขอยืมไป
เงินเบิกเกินบัญชี เพิ่มขึ้น
หนี้สินขึ้นเยอะจนน่ากลัวเลยละ ในงบกิจการ 134% เลย งบรวมเพิ่ม 45% ได้
น่าจะกู้เงินไปเทคโอเวอร์นะ มั้งนะ ไม่ก็เป็นเรื่องของการเทคโอเวอร์ แล้วรพที่โดนเทค มีหนี้อยู่เยอะ ทำให้หนี้รวมสูงขึ้น ก็เป็นไปได้
กำไรสะสมมากขึ้น ตามประสาหุ้นมีกำไร
หักกำไรจากการปรับมูลค่าด้วยนะครับ
รายได้ค่าพยาบาล เพิ่มเต็มที่ ทั้งเรื่องเทคโอเวอร์ แล้วก็ SSSG ด้วย (ดูจากงบการเงินเฉพาะกิจ)
ขายอาหารได้ดีขึ้นด้วย = =" รายได้เสริม
โดยรวมดูดีครับ
ดูกัน ชัดๆเลย รายได้ค่ารักษาพยาบาล ขึ้น 27% รายได้อื่น เพิ่ม 11% เอง แต่โฟกัสที่ ค่ารักษาพยาบาลก็พอครับ เพราะว่าเป็นรายได้หลักเลย
* รายได้จากค่าอาหาร เพิ่มมากสุด ขายอาหารแทนดีกว่า = ="
ต้นทุนค่าพยาบาลเพิ่ม 26% ค่าบริหาร เพิ่ม 25%
กำไรขั้นต้นของค่ารักษา ปี 55 GM 65.88% ปี54 GM 66.36% โดยรวมดีขึ้นครับ
มีกำไรจากเงินลงุทนบริษัทร่วมเต็มเลย
ค่าใช้จ่ายทางการเงินเพิ่มน้อย ภาษีไม่เพิ่มเลย จากการลดภาษีลงจาก 30% >> 23%
ไม่ค่อยเข้าใจการแบ่งกำไรเท่าไหร่นะครับ
ค่าเสื่อมเพิ่มขึ้น แต่งบเฉพาะกิจการลดลง ส่วนนี้ผมคิดว่า นะจะลดลงทุกปีนะ แต่งบรวมเพิ่มขึ้นจากการควบรวมกิจการ มั้ง
ค่าใช้จ่ายค้าง เพิ่ม ว่าแต่ มันคืออะไรหว่า
เงินลงทุนที่จ่ายในการซื้อบริษัทย่อย เยอะดี
ชำระเงินกู้ 7พันล้านกว่า แต่กู้เพิ่ม 8พันล้านกว่า = ="
ยังดูงบกระแสเงินสดไม่ค่อเป็นเหมือนเดิม 555
สรุป กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน เพิ่มขึ้น ดี
กระแสเงินสดจากการลงทุน เพิ่มเยอะมากกกก ลบบานเลย
กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน กู้มากไปหน่อย + เลย
ยังมีเงินสดเหลือใชอยู่พอสมควร
No comments:
Post a Comment